การจัดเก็บภาษีต่างๆ ที่รัฐออกนโยบายมาค่อนข้างถี่ในช่วงหลัง ทำให้ประชาชนและภาคส่วนต่างๆ มีภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น
ล่าสุดมีรายงานข่าวจากกรมสรรพสามิตว่ากำลังจะมีการพิจารณาจัดเก็บภาษีรถจักรยานยนต์ตามอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
ซึ่งจะทำให้มีภาระภาษีเพิ่มขึ้นคันละ 150-250 บาท โดยไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อการเพิ่มราคาขายปลีกรถจักรยานยนต์ หรือทำให้ผู้บริโภคและผู้มีรายได้น้อยได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากผู้ผลิตอาจเลือกรับภาระภาษีไว้เอง
ขณะที่ปัจจุบันรถจักรยานยนต์ที่ใช้ในประเทศ 80% เป็นรถจักรยานยนต์ มีความจุของกระบอกสูบไม่เกิน 150 ซีซี มีราคาขายปลีกประมาณ 30,000-50,000 บาทต่อคัน ซึ่งมีภาระภาษีสรรพสามิต 750-1,250 บาทต่อคัน
แต่หากจัดเก็บภาษีรถจักรยานยนต์ตามอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จะมีภาระภาษีเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเพียง 0.5% ของราคาขายปลีก หรือมีภาระภาษีเพิ่มขึ้นเล็กน้อยประมาณ 150-250 บาทต่อคัน
สำหรับแนวคิดจัดเก็บภาษีรถจักรยานยนต์ตามอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นไปตามหลักการจัดเก็บภาษีเพื่อสิ่งแวดล้อม และจะส่งผลดีต่อการสนับสนุนขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบอุตสาหกรรมในประเทศในการพัฒนาเทคโนโลยีรถจักรยานยนต์ให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น
ด้าน นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า ที่ผ่านมายอมรับว่ารัฐบาลต้องเสียงบประมาณจำนวนมากเพื่อกำจัดขยะและแก้ไขมลพิษที่เกิดจากการปล่อยของเสียมาก โดยกรมสรรพสามิตคาดว่าจากการขยายฐานภาษีใหม่จะทำให้ในปีงบประมาณ 2564 สามารถเก็บภาษีได้เพิ่มขึ้น 8 แสนล้านบาท
อ้างอิง: