วันนี้ (27 พฤศจิกายน) พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานจะประกาศลดค่าไฟฟ้างวดเดือนมกราคม-เมษายน 2568 จากค่าไฟฟ้าเฉลี่ยในงวดปัจจุบัน (เดือนกันยายน-ธันวาคม 2567) ซึ่งอยู่ที่ 4.18 บาทต่อหน่วย ลงอีก 3 สตางค์ต่อหน่วย หรือค่าไฟฟ้าจะลดลงเหลือ 4.15 บาทต่อหน่วย โดยจะมีผลตั้งแต่เดือนมกราคม-เมษายน 2568 ทั้งนี้ เพื่อช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพและเป็นของขวัญปีใหม่ 2568
“ผมเพิ่งได้รับแจ้งเบื้องต้นเป็นข่าวดีจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือ กกพ. ซึ่งจะปรับลดค่าไฟในงวดหน้า (เดือนมกราคม-เมษายน 2568) ลงได้อีก และเหลือเฉลี่ยหน่วยละ 4.15 บาท หลังจากที่ผมขอให้ทุกหน่วยงานไปลองดูว่าจะสามารถลดค่าไฟลงได้อีกหรือไม่ เพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพ” พีระพันธุ์กล่าว
ทั้งนี้ ภายหลังสิ้นสุดกระบวนการรับฟังความคิดเห็นในการประชุมคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานในวันนี้ (27 พฤศจิกายน) ได้มีมติเห็นชอบทบทวนค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่า Ft) และค่าไฟฟ้าเรียกเก็บงวดเดือนมกราคม-เมษายน 2568 โดยให้เรียกเก็บลดลงเหลือ 4.15 บาทต่อหน่วย เป็นผลจากที่มีการทบทวนตัวเลขและประมาณการที่เกี่ยวข้อง ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานจะประกาศอย่างเป็นทางการต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
ต่ออายุดีเซล 33 บาทต่อลิตร – แก้กฎหมายสำรองน้ำมัน SPR คาดช่วยลดราคาน้ำมันถึง 2.50 บาทต่อลิตร
นอกจากนี้กระทรวงพลังงานเตรียมต่ออายุมาตรการตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่เกิน 33 บาทต่อลิตรต่อไปอีก 3 เดือน ซึ่งจะหมดอายุในวันที่ 31 ธันวาคม 2567 เป็นตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 31 มีนาคม 2568
ส่วนความคืบหน้ากรณีการร่างกฎหมายระบบสำรองน้ำมันและก๊าซเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic Petroleum Reserve หรือ SPR) นั้นจะเป็นแนวทางการรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันผ่านการบริหารกลไกราคาน้ำมัน โดยใช้ปริมาณน้ำมันในสต็อก ซึ่งไม่ได้ใช้เงินในการอุดหนุนเหมือนกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่ทำอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างแก้ไขกฎหมาย
“กฎหมายใหม่จะไม่เก็บเป็นเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ แต่จะเก็บเป็นน้ำมันจากผู้ค้า ซึ่งถือเป็นการลดภาระและลดการเรียกเก็บเงินจากผู้บริโภคได้ คาดว่าจะลดลงถึง 2.50 บาทต่อลิตร” พีระพันธุ์ย้ำ
ภาพ: Krisana Antharith / Shutterstock