เมื่อวานนี้ (8 พฤษภาคม) อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า เป็นเรื่องที่น่ายินดีและน่าภูมิใจที่ขณะนี้ประเทศไทยสามารถสร้างนวัตกรรมชุด PPE (Isolation Gown) รุ่นเราสู้ขึ้นมาใช้ได้เอง เป็นความร่วมมือกันระหว่างภาครัฐและเอกชน ประกอบด้วย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา, องค์การเภสัชกรรม, กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์, กรมวิทยาศาสตร์บริการ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม, สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ ผู้ประกอบการภาคเอกชน 13 แห่ง
โดยจากเดิมในช่วงแรกของการระบาดมีความกดดันอย่างมาก ใช้ความพยายามทุกด้านเพื่อจัดหาชุด PPE อุปกรณ์ป้องกันทางการแพทย์ เวชภัณฑ์ ให้เพียงพอเพื่อเตรียมพร้อมรับสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ซึ่งคาดการณ์ว่าจะต้องใช้ชุด PPE ถึง 20 ล้านชุด
สำหรับการผลิตขึ้นเองประหยัดงบประมาณในการจัดซื้อจากต่างประเทศได้ถึง 10,000 ล้านบาท เงินที่ประหยัดได้เทียบกับการมีงบประมาณที่จะนำไปสร้างโรงงานผลิตวัคซีน อีกทั้งชุดที่ผลิตขึ้นใช้ซ้ำได้ถึง 20 ครั้ง ถ้าผลิต 10,000 ชุดจะทดแทนการใช้จำนวน 200,000 ชุดจากการนำเข้า จึงขอให้มั่นใจเพราะผ่านการรับรองมาตรฐานจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา แล้ว
นพ.โสภณ เมฆธน ประธานกรรมการองค์การเภสัชกรรม (อภ.) กล่าวว่า ชุด PPE (Isolation Gown) รุ่นเราสู้ มีการทดสอบมาตรฐาน 3 เรื่องสำคัญ ประกอบด้วย 1. เนื้อผ้า ต้องทนแรงดันน้ำได้ในระดับ 2 ระบายอากาศได้ดีและกันน้ำได้ด้วย ซึ่งได้ทดสอบจนผ่านมาตรฐาน 2. ตะเข็บรอยต่อ ซึ่งได้ทดสอบหลากหลายรูปแบบจนผ่านมาตรฐาน และ 3. การซักฆ่าเชื้อทำความสะอาดและใช้ซ้ำให้ได้ 20 ครั้ง
จนมาวันนี้ อภ. ได้ลงจัดจ้าง 13 บริษัท ดำเนินการผลิตและจัดส่งจำนวน 44,000 ชุดภายในเดือนพฤษภาคมนี้ ในราคาชุดละ 500 บาท เมื่อคิดเฉลี่ยการใช้งานต่อชุดใช้ได้ 20 ครั้ง เฉลี่ยค่าใช้จ่ายต่อครั้งอยู่ที่ 25 บาท หากซื้อจากต่างประเทศเฉลี่ยการใช้ต่อครั้ง 100 บาท นอกจากจะลดการใช้แล้ว ยังช่วยลดปริมาณขยะ เงินไม่รั่วไหลไปต่างประเทศ และยังช่วยให้เกิดการจ้างงานในประเทศตามมาอีกด้วย