แม้ว่าที่ผ่านมา ‘คนไทย’ ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน รวมถึงประชาชนทั่วไปจะพยายามเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เป็นอย่างดี จนไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ภายในประเทศมาเป็นเวลานาน ทำให้ทุกคนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ
แต่ล่าสุดดูเหมือนความพยายามเหล่านี้กำลังจะล้มเหลวลง หลังเริ่มพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ ซึ่งเป็นผู้ที่ลักลอบเดินทางเข้ามาในประเทศจากฝั่งเมียนมานับ 10 ราย กระจายอยู่ในหลายจังหวัด ทั้ง เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา ราชบุรี พิจิตร และกรุงเทพมหานคร จนสร้างความกังวลว่าเชื้อไวรัสดังกล่าวอาจกลับมาระบาดรอบสองภายในประเทศ ซึ่งแน่นอนว่าจะสร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจอย่างใหญ่หลวง
นริศ สถาผลเดชา หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหาร ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ธนาคารทหารไทย (ทีเอ็มบี) กล่าวกับ THE STANDARD WEALTH ว่า ข้อมูลที่มีในขณะนี้ยังประเมินได้ค่อนข้างยากว่าจะเกิดการระบาดในประเทศระลอกสองหรือไม่ แต่ถ้าดูเฉพาะตัวเลขผู้ติดเชื้อในปัจจุบันถือว่าผลต่อเศรษฐกิจยังไม่น่ากังวลมากนัก
อย่างไรก็ตาม หากภาครัฐสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้จะถือเป็นทางออกที่ดีสุด เนื่องจากเศรษฐกิจไทยไม่สามารถกลับไปล็อกดาวน์ได้อีกรอบ เพราะการล็อกดาวน์จะส่งผลต่อต้นทุนทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล
นริศกล่าวว่า การล็อกดาวน์ในรอบที่ผ่านมาทำให้เศรษฐกิจไทยสูญเสียโอกาสไปกว่า 4-5 แสนล้านบาท จากมูลค่าเศรษฐกิจที่หายไปและเงินที่ต้องนำมาใช้ในการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ ซึ่งเงินส่วนนี้หากนำไปใช้กระตุ้นเศรษฐกิจจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศอย่างมาก
“เป็นเรื่องที่ภาครัฐควรต้องจัดการให้อยู่หมัดในเชิงสาธารณสุข และทุกคนควรต้องมีส่วนร่วมในการช่วยๆ กัน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน รวมไปถึงประชาชนทั่วไป เพราะถ้าเราต้องกลับไปล็อกดาวน์อีกรอบ จะสร้างความสูญเสียทางเศรษฐกิจจำนวนมาก เวลานี้เราควรต้องพ้นช่วงของการเยียวยามาสู่การกระตุ้นเศรษฐกิจได้แล้ว”
สมประวิณ มันประเสริฐ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ และผู้บริหารสายงานวิจัยและหัวหน้าทีมวิจัยเศรษฐกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวกับ THE STANDARD WEALTH ว่า ทางศูนย์วิจัยฯ มองว่าเศรษฐกิจไทยปี 2564 คาดว่าแรงขับเคลื่อนหลักจะมาจากการส่งออก ซึ่งปรับตัวดีขึ้นจากการค้าโลกที่ฟื้นตัว ไม่ใช่จากการท่องเที่ยว ดังนั้นหากมีการระบาดระลอกสองมองว่าจะมีผลกระทบน้อยกว่า
ส่วนหนึ่งเพราะคาดการณ์ว่าวัคซีนโควิด-19 จะใช้ในหลายประเทศช่วงกลางปี 2564 และจะค่อยๆ ทำให้การท่องเที่ยวฟื้นตัว โดยคาดว่าปีหน้าไทยจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 4 ล้านคน ซึ่งน้อยกว่าปี 2562 ที่อยู่ราว 40 ล้านคน
นอกจากนี้เศรษฐกิจในไทย ความเสี่ยงที่ต้องจับตามากกว่าโควิด-19 คือ สถานการณ์การควบคุมโรคระบาดที่ยังเข้มข้น และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่ยังไม่เพียงพอ หากมีการระบาดระลอกสองที่อาจต้องลดกิจกรรมทางเศรษฐกิจอีก ยิ่งทำให้ต้องมีนโยบายเศรษฐกิจเพื่อกระตุ้นมากกว่านี้
อย่างไรก็ตามมองว่าการระบาดจะไม่เกิดขึ้นในวงกว้างจนต้องล็อกดาวน์เหมือนช่วงก่อนหน้า แต่ปัจจัยในประเทศอย่างภัยแล้งและความไม่แน่นอนทางการเมืองที่กระทบความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเป็นปัจจัยที่ต้องติดตามมาก
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า