×

หอการค้า แนะใช้มาตรการ COVID-FREE Setting และ Digital Health Pass เข้มงวดพื้นที่เสี่ยงหลังคลายล็อกดาวน์ ลดโอกาสระบาดระลอกใหม่

01.09.2021
  • LOADING...
Thaichamber

สนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยกับ THE STANDARD WEALTH ถึงกรณีที่มีผู้เชี่ยวชาญบางส่วนออกมาแสดงความกังวลว่าการผ่อนคลายล็อกดาวน์ของภาครัฐในวันที่ 1 กันยายนนี้อาจเร็วเกินไปและสุ่มเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการแพร่ระบาดใหม่อีกระลอกว่า สิ่งที่รัฐบาลจะต้องดำเนินการหลังจากเริ่มคลายล็อคดาวน์ คือจัดทำแผนและมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดควบคู่กับมาตรการเยียวยาทุกกลุ่มที่ชัดเจนเพื่อไม่ให้เกิดการเปิดๆ ปิดๆ กิจกรรมทางธุรกิจอย่างที่เคยเกิดขึ้นซึ่งสร้างความเสียหายเป็นอย่างมาก โดยแผนที่จัดทำจะต้องทำให้ทุกคนสามารถใช้ชีวิตใกล้เคียงกับปกติให้มากที่สุดและมีความเสี่ยงที่สามารถยอมรับได้

 

“ประเทศไทยต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับโควิดให้ได้ ถึงเวลาแล้วที่จะต้องทยอยเปิดเมืองและเปิดประเทศในอนาคตอันใกล้ เพราะจะเห็นได้ว่าถึงแม้ที่ผ่านมาจะขยายการล็อกดาวน์ก็ไม่ได้ทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลงอย่างเห็นได้ชัด ในทางกลับกันกลับสร้างความเสียหายกับเศรษฐกิจระยะยาว” สนั่นกล่าว

 

สนั่นกล่าวอีกว่า เมื่อคลายล็อกดาวน์แล้วมาตรการควบคุมดูแลสถานที่ ผู้ให้บริการ และผู้รับบริการ จะต้องมีการกำหนดให้เป็นมาตรฐาน ซึ่งมาตรการที่ภาครัฐได้ออกมาแล้วทั้ง Universal Prevention และ COVID-FREE Setting ก็ถือเป็นแนวทางที่ดีที่หลายประเทศได้ใช้แล้ว อย่างไรก็ตาม แต่ละประเทศมีสภาพแวดล้อมและสถานการณ์ที่ต่างกัน การนำมาใช้จึงต้องมีการปรับให้เหมาะสมกับประเทศไทย เนื่องจากอัตราการฉีดวัคซีนของประเทศไทยยังน้อยอยู่ แต่ยังดีที่ภาครัฐมีแผนที่จะเร่งฉีดในช่วงนี้ ทำให้ความเสี่ยงที่จะระบาดอีกรอบลดลง

 

ประธานสภาหอการค้าไทยยอมรับว่า มีความเสี่ยงที่การระบาดอีกระลอกจะเกิดขึ้นจากการคลายล็อกดาวน์ ซึ่งภาคเอกชนก็ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ที่ต้องกลับไปล็อกดาวน์อีกครั้ง ดังนั้นมาตรการ COVID-FREE Setting ที่ภาครัฐออกมา ควรที่จะมีการบังคับใช้ในสถานที่ที่มีความเสี่ยงในการเกิดการแพร่ระบาดอย่างเข้มงวด ซึ่งจะช่วยให้ภาครัฐสามารถจัดการควบคุมความเสี่ยงและลดโอกาสในการระบาด 

 

สนั่นระบุด้วยว่า ขณะนี้ภาคเอกชนได้เสนอให้นำเอาระบบ Digital Health Pass มาใช้เพื่อบริหารจัดการให้การเปิดเมืองอยู่ในมาตรฐานความปลอดภัยที่รับได้ มีการตรวจสอบข้อมูลที่ชัดเจน โดยแต่ละธุรกิจมีแนวทางที่ใช้ในการเปิดธุรกิจและมีมาตรฐานที่ได้หารือกับทางกระทรวงสาธารณสุขที่ชัดเจน ซึ่งแนวทางเหล่านี้หลายประเทศได้นำมาใช้ เพื่อจัดการในกิจการที่มีความเสี่ยงปานกลางและเสี่ยงสูง เพื่อให้สามารถลดโอกาสที่จะทำให้เกิดการแพร่ระบาดได้ 

 

“ระบบ Digital Health Pass นี้ สามารถเชื่อมข้อมูลของภาครัฐที่มีอยู่ พร้อมกับกำหนดมาตรฐานของแต่ละกิจการได้ โดยผู้ใช้บริการก็สามารถนำ Digital Health Pass ตัวนี้ไปยืนยันว่าสามารถผ่านเงื่อนไขในการใช้บริการในสถานที่นั้นๆ ได้ ซึ่งแนวทางนี้สามารถต่อยอดไปใช้กับชาวต่างชาติได้ด้วย รวมถึงหากวางระบบให้ครอบคลุมไปถึงการทำวัคซีนพาสปอร์ตก็จะอำนวยความสะดวกให้ทั้งคนไทยและต่างชาติได้ โดยภาคเอกชนพร้อมเข้าไปมีส่วนร่วมดำเนินการในลักษณะคณะทำงานเพื่อเชื่อมข้อมูลภาครัฐ ทั้ง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย (ตม.) กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อให้เกิดการเชื่อมข้อมูลกันและเป็นการแก้ไขปัญหาระยะยาว โดยสามารถทำให้เราสามารถเปิดเมืองได้อย่างปลอดภัย และลดความเสี่ยงในการที่ต้องมาปิดกิจการแบบเหมารวมได้” สนั่นกล่าว

 


 

เตรียมพบกับฟอรัมที่ผู้บริหารต้องดูก่อนวางแผนกลยุทธ์ปีหน้า! The Secret Sauce Strategy Forum คัมภีร์กลยุทธ์ฝ่าวิกฤตปี 2022


📌
เฟรมเวิร์กกลยุทธ์ใช้ได้จริง
📌
ฉากทัศน์เศรษฐกิจไทยโลก
📌
เทรนด์ผู้บริโภคการตลาด
📌
เคสจริงจากผู้บริหาร

 

ซื้อบัตรได้แล้วที่ www.zipeventapp.com/e/the-secret-sauce

 

#TheSecretSauceStrategyForum2022

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X