×

ยุคทองนักไลฟ์! ไทยขึ้นแท่น ‘ตลาดวิดีโอคอมเมิร์ซ’ โตเร็วสุดในอาเซียน ผู้ขายพุ่ง 1.7 เท่า แตะ 8.5 แสนราย

16.12.2025
  • LOADING...
ยุคทองนักไลฟ์ ไทยขึ้นแท่น ‘ตลาดวิดีโอคอมเมิร์ซ’ โตเร็วสุดในอาเซียน ผู้ขายพุ่ง 1.7 เท่า แตะ 8.5 แสนราย

รายงานเศรษฐกิจดิจิทัลเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรือ ‘e-Conomy SEA Report’ ฉบับครบรอบ 10 ปี โดยความร่วมมือระหว่าง Google, Temasek และ Bain & Company ได้เปิดเผยข้อมูลสำคัญภายใต้หัวข้อ From Digital Decade to AI Reality ที่ชี้ให้เห็นถึงพัฒนาการของภูมิภาค โดยเฉพาะประเทศไทยที่ยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำทางเศรษฐกิจดิจิทัลไว้ท่ามกลางความท้าทาย

 

แม้สภาพเศรษฐกิจมหภาคจะเผชิญกับแรงกดดันจากการบริโภคภายในประเทศที่ซบเซาและภาระหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง แต่โครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลของไทยยังคงแข็งแกร่ง ส่งผลให้มูลค่าสินค้ารวมของเศรษฐกิจดิจิทัลไทยยังคงเติบโตได้ดีและรักษาอันดับ 2 ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไว้ได้ รองจากประเทศอินโดนีเซียที่เป็นตลาดใหญ่ที่สุด

 

รายงานฉบับนี้คาดการณ์ว่า ‘Gross Merchandise Value’ หรือ GMV ของไทยจะพุ่งสูงถึง 5.6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2568 คิดเป็นอัตราการเติบโต 16% จากระดับ 4.9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2567 ซึ่งตัวเลขนี้สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของตลาดที่ไม่เพียงแต่ฟื้นตัว แต่ยังขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องในหลายภาคส่วนธุรกิจ

 

แรงขับเคลื่อนหลักที่สำคัญที่สุดยังคงเป็นภาคธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ซึ่งมีการเติบโตเร็วที่สุดในภูมิภาคที่ระดับ 22% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยคาดว่ามูลค่าจะแตะระดับ 3.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2568 ปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคที่หันมาซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้นจนกลายเป็นความปกติใหม่

 

สิ่งที่น่าจับตามองเป็นพิเศษคือการก้าวขึ้นมาของ ‘Video Commerce’ ที่กำลังเฟื่องฟูอย่างมากในไทย โดยพบว่ามีผู้ขายสินค้าผ่านวิดีโอมากถึง 850,000 ราย ซึ่งเป็นตัวเลขที่พุ่งสูงขึ้นถึง 175% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ทำให้ไทยกลายเป็นตลาดที่มีจำนวนผู้ขายสินค้าผ่านวิดีโอที่ใหญ่และเติบโตเร็วที่สุดในภูมิภาคนี้

 

ปัจจุบันไทยครองตำแหน่งตลาดวิดีโอคอมเมิร์ซที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ในภูมิภาค ด้วยปริมาณธุรกรรมที่สูงถึง 1.3 พันล้านครั้ง โดยสินค้ากลุ่มแฟชั่นและเครื่องประดับเป็นหมวดหมู่ที่ได้รับความนิยมสูงสุด คิดเป็นสัดส่วน 21% ของมูลค่าสินค้ารวมในกลุ่มนี้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าคอนเทนต์วิดีโอมีอิทธิพลอย่างมากต่อการตัดสินใจซื้อ

 

ราฟาเอล ซิสโลว์สกี Country Manager, Google ประเทศไทย กล่าวว่า “การผสานรวมระหว่างการขายสินค้าและการทำคอนเทนต์เป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดเจน โดยปัจจุบัน ภาคธุรกิจอีคอมเมิร์ซของไทยมีการเติบโตที่เร็วที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากนี้ ไทยยังเป็นตลาดวิดีโอคอมเมิร์ซที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของภูมิภาค”

 

เขายังเสริมอีกว่า “แรงขับเคลื่อนหลักมาจากไลฟ์สไตล์ดิจิทัลของผู้บริโภคชาวไทย ซึ่งภาคส่วนอื่นๆ ก็กำลังได้รับประโยชน์โดยตรงจากการเติบโตนี้ด้วย เราเห็นการเติบโตอย่างต่อเนื่องในภาคธุรกิจหลักๆ ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่าเศรษฐกิจดิจิทัลของไทยยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งแม้จะเผชิญกับความท้าทายจากหลายด้าน”

 

ในภาคการท่องเที่ยวออนไลน์ คาดว่าจะมีการเติบโต 6% และมูลค่าสินค้ารวมจะแตะ 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2568 แม้การฟื้นตัวอาจจะไม่รวดเร็วเท่าอดีต แต่ไทยยังคงเป็นหนึ่งในตลาดการท่องเที่ยวออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยได้รับแรงหนุนจากนโยบายภาครัฐที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวศักยภาพสูง

 

การขยายโครงการยกเว้นวีซ่าให้ครอบคลุม 93 ประเทศ และการอนุญาตให้พำนักได้สูงสุด 60 วัน เพื่อเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวในตลาดที่มีศักยภาพการเติบโตสูง เช่น อินเดียและตะวันออกกลาง ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยกระตุ้นการเติบโตนี้ ควบคู่ไปกับการส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านสุขภาพและการแพทย์ระดับโลก

 

ด้านบริการทางการเงินดิจิทัล (DFS) ยังคงเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในกลุ่ม ‘Digital Wealth’ หรือความมั่งคั่งทางดิจิทัล ซึ่งคาดการณ์ว่าจะเติบโตถึง 29% และมีมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การจัดการแตะ 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ สะท้อนให้เห็นว่าคนไทยเริ่มหันมาบริหารจัดการเงินลงทุนผ่านช่องทางดิจิทัลมากขึ้น

 

ขณะที่บริการสินเชื่อผ่านช่องทางดิจิทัล คาดว่าจะมียอดสินเชื่อคงค้างสูงถึง 1.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2568 คิดเป็นอัตราการเติบโต 21% ส่วนการชำระเงินดิจิทัลคาดว่าจะมีมูลค่าธุรกรรมรวมสูงถึง 1.63 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเติบโตขึ้น 11% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าตามพฤติกรรมสังคมไร้เงินสด

 

ภูมิทัศน์ทางการเงินของไทยกำลังจะเปลี่ยนไปอีกขั้น ด้วยการคาดการณ์ว่าจะมี ‘Virtual Banks’ หรือธนาคารดิจิทัล 3 แห่งได้รับอนุมัติใบอนุญาตให้เริ่มดำเนินการได้ภายในปี 2569 โดยมุ่งเน้นการให้บริการกลุ่มที่ยังเข้าไม่ถึงบริการทางการเงินและธุรกิจ SME ขนาดเล็ก ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน

 

สำหรับสื่อออนไลน์ ซึ่งรวมถึงวิดีโอออนดีมานด์ เพลง เกม และโฆษณา ยังคงรักษาการเติบโตอยู่ที่ 8% โดยคาดว่ามูลค่าสินค้ารวมจะแตะ 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากการขยายเครือข่ายสื่อค้าปลีกและการเจาะตลาดเชิงลึกของวิดีโอคอมเมิร์ซที่สร้างเม็ดเงินโฆษณา

 

ที่น่าสนใจคือกุญแจสำคัญอย่างกรุงเทพฯ ซึ่งเปรียบเสมือนศูนย์กลางของภูมิภาคที่มีอิทธิพลในด้านต่างๆ ยังคงเป็นตลาดหลักสำหรับการบริโภคสื่อบันเทิง โดยเฉพาะกระแสเพลง T-Pop ที่กำลังได้รับความนิยมและเริ่มสร้างเทรนด์ระดับโลก ซึ่งส่งผลดีต่อระบบนิเวศของสื่อออนไลน์ในภาพรวม

 

ด้านการขนส่งและบริการส่งอาหารออนไลน์เติบโตขึ้น 15% และคาดว่าจะมีมูลค่าสินค้ารวมอยู่ที่ 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2568 ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าจากปี 2566 หลังจากผ่านช่วงการแข่งขันที่ดุเดือด แพลตฟอร์มต่างๆ ได้ปรับตัวมุ่งเน้นไปที่การสร้างผลกำไรและความยั่งยืนทางธุรกิจ

 

ในยุคที่เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์กำลังเปลี่ยนโลก ประเทศไทยกำลังดำเนินกลยุทธ์การพัฒนาบุคลากรระดับประเทศอย่างแข็งขัน ผ่านโครงการริเริ่มของรัฐบาลที่ร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยี เพื่อยกระดับทักษะของแรงงานให้สอดคล้องกับความต้องการเรียนรู้และพัฒนาทักษะด้าน ‘Generative AI’ ของคนไทย

 

ตัวเลขสถิติชี้ให้เห็นถึงความพร้อมของผู้ใช้งานชาวไทย โดย 76% ของผู้ใช้มีการโต้ตอบกับเครื่องมือ AI ทุกวัน และ 56% สนทนากับแชทบ็อต AI ซึ่งส่งผลให้รายได้ของแอปพลิเคชันที่มีฟีเจอร์ AI เติบโตขึ้นถึง 79% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

 

วิลลี่ ชาง Partner, Bain & Company กล่าวว่า “เศรษฐกิจดิจิทัลของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แสดงให้เห็นถึงการเติบโตและความสามารถในการฟื้นตัวที่โดดเด่น โดยมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องแม้การลงทุนจะชะลอตัวในบางช่วงและภูมิทัศน์เศรษฐกิจมหภาคที่เปลี่ยนแปลงไปในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา”

 

“เราเชื่อมั่นว่า AI จะเป็นแรงผลักดันการเติบโตระลอกต่อไป ตราบใดที่ธุรกิจต่างๆ สามารถสร้างสรรค์นวัตกรรม รับมือกับความท้าทาย และเปลี่ยนนวัตกรรม AI ให้กลายเป็นการสร้างมูลค่าระยะยาวได้” ซึ่งจะเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลไทยในทศวรรษหน้า

 

ภาพ : jittawit21 / Shutterstock

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising