วันนี้ (15 ธันวาคม) พล.ร.อ. สุรสันต์ คงศิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พล.อ.ท. จักรกฤษณ์ ธรรมวิชัย โฆษกกองทัพอากาศ, พล.ต. วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก, พล.ร.ต. ปารัช รัตนไชยพันธ์ โฆษกกองทัพเรือ, พล.ต.ต. ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ มาระตี นะลิตา อันดาโม รองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงสถานการณ์ไทย-กัมพูชา เวลา 16.00 น.
โฆษกกระทรวงกลาโหมและโฆษกกองทัพบก ระบุถึงความคืบหน้าสถานการณ์การปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา โดยยืนยันว่า ฝ่ายไทยสามารถยึดปราสาทตาควายได้ 100% และกำลังเดินหน้าปฏิบัติการเพื่อยึดพื้นที่เนินสำคัญอีก 2-3 แห่งในบริเวณโดยรอบ ซึ่งเป็นไปตามแผนและมั่นใจในขีดความสามารถของกองทัพบก
โฆษกกระทรวงกลาโหมระบุว่า ในช่วงเช้ามีการเปิดฉากระดมยิงโจมตีด้วยอาวุธหนักจากกัมพูชามายังพื้นที่ จังหวัดอุบลราชธานีและจังหวัดสุรินทร์ ทำให้ฝ่ายไทยต้องตอบโต้เพื่อป้องกันตนเอง การระดมยิงส่งผลให้ต้องเร่งอพยพประชาชนเพิ่มเติมใน อำเภอขุนหาญ และอำเภอภูสิงห์ นอกเหนือจากอำเภอกันทรลักษณ์ที่ได้มีการอพยพไปแล้วก่อนหน้านี้ ด้านสถิติความสูญเสียมีผู้เสียชีวิตทางอ้อมรวม 12 ราย และเสียชีวิตจากการโจมตีโดยตรง 1 ราย บาดเจ็บ 5 คน
โฆษกกระทรวงกลาโหมยังได้ยืนยันความถูกต้องของภาพถ่ายทหารไทยที่เข้ายึดปราสาทตาควาย และชี้แจงว่าฝ่ายกัมพูชามีการใช้แอปพลิเคชัน AI Gemini สร้างข่าวปลอมเกี่ยวกับความสูญเสียของกำลังพลไทย โดยมีข้อสังเกตเป็นดาวในรูป
ขณะเดียวกัน โฆษกกองทัพบกยืนยันว่า อาวุธต่อสู้รถถังของจีน (GAM102) และยุทโธปกรณ์อื่นๆ ของกัมพูชาที่ยึดได้ในพื้นที่ยังคงอยู่ในการควบคุมดูแลของไทยเพื่อรอการพิจารณาหลังเสร็จสิ้นภารกิจ ไม่มีข้อมูลว่าทางการจีนจะมาขอคืน
ส่วนโฆษกกองทัพอากาศ ชี้แจงเพิ่มเติมว่า การปฏิบัติการทางอากาศของไทยเป็นไปตามกฎหมายระหว่างประเทศและหลักมนุษยธรรมอย่างเคร่งครัด โดยใช้อาวุธที่มีความแม่นยำสูงโจมตีเฉพาะเป้าหมายทางทหารเท่านั้น เพื่อป้องกันและลดผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงและในศูนย์ผู้ลี้ภัยของกัมพูชา
นอกจากนี้ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติระบุว่า ได้เพิ่มความเข้มงวดในการคัดกรองชาวต่างชาติ โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศที่ได้รับสิทธิฟรีวีซ่าเพื่อสกัดกั้นผู้ต้องสงสัยชาวกัมพูชา (78 ราย) และกลุ่มนักรบรับจ้างต่างชาติ (128 ราย) ไม่ให้เดินทางเข้าประเทศไทย
ด้านรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงความคืบหน้าการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน โดยยืนยันความพร้อมของไทยในการเข้าร่วม คาดว่าจะมีการประชุมในวันที่ 22 ธันวาคม 2568 และในวันพรุ่งนี้ (16 ธันวาคม) จะมีการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติเพื่อพิจารณาประเด็นที่เกี่ยวข้องและเตรียมความพร้อมก่อนการประชุมอาเซียน
นอกจากนี้ รองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศยังได้ย้ำจุดยืนของไทยในการไม่ยกระดับความรุนแรงในอ่าวไทย โดยยึดหลักการปกป้องอธิปไตยและความมั่นคงของประเทศ ภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศและหลักมนุษยธรรม โดยเฉพาะอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล (UNCLOS) เพื่อรักษาเสรีภาพในการเดินเรือและสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องต่อประชาคมระหว่างประเทศ


