วันนี้ (4 กุมภาพันธ์) ธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าจากการดำเนินนโยบายของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ให้ความสำคัญด้านการกำหนดนโยบายที่เหมาะสมด้านการท่องเที่ยว ทั้งการปรับมาตรการให้สอดรับ เป็นไปตามสถานการณ์ในประเทศและสถานการณ์ในโลก และเพื่อให้มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจควบคู่กับมาตรการทางสาธารณสุขควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิดไปด้วย
ในโอกาสนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยต่างขานรับนโยบายของนายกรัฐมนตรี ดำเนินโครงการเพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว โดยสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) หรือ DGA ได้อยู่ระหว่างการผลักดันระบบแพลตฟอร์มกลางเพื่อให้บริการชาวต่างชาติ (One Platform for Foreigner Roadmap) ถือเป็นกลไกสำคัญเพื่อขับเคลื่อนรัฐบาลดิจิทัลในส่วนของการอำนวยความสะดวกแก่ชาวต่างชาติ ได้แก่ นักท่องเที่ยว, แรงงานต่างชาติ, นักธุรกิจ, นักลงทุนต่างชาติ, นักศึกษาต่างชาติ และผู้อยู่อาศัยระยะยาวที่ได้วีซ่าสำหรับพำนักในไทยระยะยาว (LTR) ทำให้บุคคลเหล่านี้สามารถเข้ามาใช้บริการภาครัฐผ่านช่องทางดิจิทัล ทำให้รับบริการได้ง่ายขึ้น พร้อมเชื่อมโยงให้เกิดบริการสาธารณะแบบเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว หรือ One Stop Service (OSS) ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย พร้อมทั้งสามารถรับบริการได้ตลอดเวลา ตอบโจทย์ความต้องการและความคาดหวังของชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย
ธนกรกล่าวต่อไปว่า นายกรัฐมนตรีขอบคุณการสนับสนุนของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่พร้อมดำเนินการตามนโยบายที่ได้วางไว้ เชื่อมั่นว่าเว็บไซต์ส่วนกลางนี้เมื่อสำเร็จจะเป็นอีกส่วนในการจูงใจให้ชาวต่างชาติสนใจมาเยือนประเทศไทยมากขึ้น เป็นอีกหนึ่งผลงานนำเสนอศักยภาพของไทยให้ชาวต่างชาติได้เห็น นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามมีเอกลักษณ์ ศิลปวัฒนธรรมของไทยที่หาไม่ได้จากที่ไหนในโลก ทั้งมาตรการทางสาธารณสุขที่พร้อมดำเนินอย่างเข้มแข็งรัดกุม นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาประเทศไทยจะท่องเที่ยวได้อย่างปลอดภัย
ทั้งนี้ ในปี 2565 ไทยตั้งเป้าว่าจะมีการท่องเที่ยวของคนในชาติประมาณ 160 ล้านคนต่อครั้ง และตั้งเป้าว่าจะมีชาวต่างชาติมาไทย 5-15 ล้านคน โดยรัฐบาลไทยเชื่อมั่นว่าในปี 2565 นี้ ประเทศไทยจะมีรายได้จากการท่องเที่ยวรวม 1.3-1.8 ล้านล้านบาท โดยรัฐบาลพร้อมเดินหน้าด้วยการให้ความจริงจังกับการท่องเที่ยวที่คำนึงถึงการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามนโยบายโมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน BCG Economy (เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว) ซึ่งเน้นเรื่องการท่องเที่ยวสีขาว (White Tourism) ภายใต้ความสะอาด ความยั่งยืน ความเป็นธรรม และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ขณะเดียวกันรัฐบาลได้พัฒนาด้านเทคโนโลยีดิจิทัลให้คู่ขนานไปด้วยเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์โรคโควิด โดยจะเพิ่มการให้บริการประชาชนตลอดจนนักท่องเที่ยวผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ซึ่งรัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาด้านเทคโนโลยีดิจิทัลมาอย่างต่อเนื่องผ่านแผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัล พ.ศ. 2563-2565 ควบคู่กับพระราชบัญญัติการบริหารงานและการให้บริการภาครัฐผ่านระบบดิจิทัล พ.ศ. 2562 ซึ่งจะเป็นกรอบแนวทางให้หน่วยงานภาครัฐดำเนินการปรับเปลี่ยนระบบต่างๆ สู่การเป็นองค์กรดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ และต่อยอดไปยังการพัฒนาด้านอื่นๆ เพิ่มเติมที่เกี่ยวเนื่องกับการให้บริการประชาชน เช่น ด้านการศึกษา สุขภาพและการแพทย์ การเกษตร เพื่อขับเคลื่อนประเทศไปสู่สังคมเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมในอนาคตตามเป้าหมายที่กำหนด ภายใต้วิสัยทัศน์ รัฐบาลดิจิทัล เปิดเผย เชื่อมโยง และร่วมกันสร้างบริการที่มีคุณค่าให้ประชาชน