สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว อดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงปารีส ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทย กล่าวถึงผลการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ (ยูเนสโก) ครั้งที่ 43 ณ กรุงบากู สาธารณรัฐอาเซอร์ไบจาน หลังถูกนำกลับมาพิจารณาอีกครั้งในช่วงท้ายของการพิจารณาขึ้นมรดกโลกว่า ที่ประชุมมีมติให้ส่งกลับเอกสาร (Refers) กลุ่มป่าแก่งกระจานของประเทศไทย ตามร่างข้อมติของคณะทำงาน 6 ประเทศจากคณะกรรมการรัฐภาคีสมาชิกอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองมรดกโลก 21 ประเทศ โดยให้ไทยจัดทำเอกสารเพิ่มเติมที่มีระยะเวลาดำเนินงาน 3 ปี รวม 3 ข้อคือ
1. ให้ดำเนินการเรื่องขอบเขตระหว่างไทยและเมียนมา
2. ให้ทำข้อศึกษาเปรียบเทียบเกี่ยวกับขอบเขตพื้นที่หลังปรับลดลง โดยยังอยู่ภายใต้ข้อกำหนดตามระเบียบข้อที่ 10 เรื่องความสมบูรณ์และความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่การขอขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกทางธรรมชาติ
3. ให้ไปทำข้อห่วงกังวลเรื่องชุมชนในพื้นที่ ถือเป็นการยกระดับการทำงานของไทยในหลายๆ ด้านที่ผ่านข้อท้วงติงและข้อกังวล ทั้งการแก้ปัญหาชุมชนกะเหรี่ยงในพื้นที่ด้วยการดำเนินการสิทธิชุมชนผ่านกฎหมายใหม่ 2 ฉบับที่ประกาศใช้เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และปรับลดขอบเขตการขึ้นทะเบียนมรดกโลกกลุ่มป่าแก่งกระจานเข้ามาร้อยละ 15 หรือประมาณ 2 กิโลเมตร จากแนวเส้นสมมติของแนวเขตแดนของไทยและเมียนมา ทำให้คลายความกังวลและตกลงกันได้แล้ว คาดว่าจะเร่งรวบรวมและทำข้อมูลเพิ่มเติมทั้งหมดเสนอสหภาพสากลว่าด้วยการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ไอยูซีเอ็น) ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2563 เพื่อนำเสนอคณะกรรมการมรดกโลกพิจารณาอีกครั้งปีหน้า
หัวหน้าคณะผู้แทนไทยกล่าวย้ำว่า ไทยต้องขอขอบคุณอินโดนีเซีย จีน และเมียนมา ที่มีบทบาทสำคัญบนเวทีมรดกโลกในการช่วยและสนับสนุนไทยอย่างเต็มที่มาโดยตลอด พร้อมแสดงความคาดหวังว่าปีหน้าไทยจะประสบความสำเร็จในการขึ้นทะเบียนมรดกโลกกลุ่มป่าแก่งกระจานได้
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์