×

หุ้นไทย เข้าสู่โหมด Risk Off เน้นลงทุนอย่างระมัดระวัง

30.08.2022
  • LOADING...
ตลาดหุ้นไทย

ในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา ตลาดหุ้นบ้านเราปรับขึ้นอย่างโดดเด่น โดยมีแรงหนุนหลักจาก Fund Flow ที่ไหลเข้าต่อเนื่อง โดยตั้งแต่ 1 สิงหาคม ถึง 26 สิงหาคม นักลงทุนต่างชาติ ซื้อสุทธิไปกว่า 5 หมื่นล้านบาท เป็นแรงซื้อเข้ามาในหุ้นบิ๊กแคป (เช่น BH, KBANK, BANPU, PTTEP, SCB) หนุนดัชนีหุ้นไทย (SET) ขึ้นไปทำจุดสูงบริเวณ 1,650 จุด 

 

อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้น การปรับขึ้นของดัชนีเริ่มจำกัดหลังขาดปัจจัยหนุนใหม่ ขณะที่ในประเทศมีปัจจัยการเมืองหลังศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องวินิจฉัยคุณสมบัตินายกรัฐมนตรี และให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ไปก่อน 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง


ทั้งนี้ ในช่วง 1 เดือนครึ่งที่ผ่านมา SET ปรับขึ้นเกือบ 9% จากจุดต่ำสุดบริเวณ 1,517 จุด ซึ่งสะท้อนความเสี่ยงเงินเฟ้อสูงที่เริ่มลดลง และรับกระแสเงินทุน (Fund Flow) ที่ไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่องไปพอสมควรแล้ว ขณะที่ความเสี่ยงเรื่องการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกที่มีมากขึ้น หลังถ้อยแถลงของประธาน Fed ยังมีท่าทีหนักแน่นต่อการปรับขึ้นดอกเบี้ยแรงต่อไปเพื่อลดเงินเฟ้อ แม้จะมีต้นทุนต่อเศรษฐกิจก็ตาม คาดจะกดดันบรรยากาศลงทุนในตลาดสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก รวมทั้ง SET ให้มีความผันผวนสูงและมีการปรับขึ้นได้จำกัดมากขึ้น ทำให้คาดตลาดจะเข้าสู่โหมด Risk Off หรือมีแรงขายทำกำไรในสินทรัพย์เสี่ยง หลังปรับขึ้นมาอย่างต่อเนื่องก่อนหน้านี้ และคาดเม็ดเงินจะเข้ามาพักในสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างเงินดอลลาร์ไปสักระยะ จนกว่าจะมีความชัดเจนเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ซึ่งติดตามประชุม Fed ครั้งถัดไปในเดือนหน้าวันที่ 20-21 กันยายน ทำให้ผมมองแนวโน้ม SET โดยเฉพาะในครึ่งแรกของเดือนกันยายน มีโอกาสปรับตัวลงเพื่อพักฐาน 

 

โดยมีแนวรับอยู่ที่ 1,600 และ 1,560-1,570 จุด ตามลำดับ ส่วนกรอบบนคาดถูกจำกัดที่แนวต้าน 1,640-1,650 จุด ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนจึงแนะนำเลือกกลุ่มลงทุนอย่างระมัดระวัง โดยเน้นหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้ 

 

  1. กลุ่มหุ้นบิ๊กแคปที่คาดได้อานิสงส์ Fund Flow ไหลเข้า และ Valuation ยังไม่แพง เลือก BBL, PTT, IVL, AOT 

 

  1. กลุ่มหุ้นที่คาด 3Q65 กำไรเติบโตดีทั้ง YoY และ QoQ เลือก CPALL, SCGP, CENTEL 

 

  1. กลุ่มหุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจาก Apple เตรียมจัดอีเวนต์ใหญ่เปิดตัว iPhone 14 ในวันที่ 7 กันยายน เลือก COM7, CPW, SYNEX ซึ่งเน้นเก็งกำไรเล่นรอบสั้นๆ ก่อนวันเปิดตัวสินค้าใหม่ 

 

ส่วนกลุ่มหุ้นที่แนะนำให้หลีกเลี่ยงหรือเพิ่มความระมัดระวังการลงทุน คือกลุ่มที่มีปัจจัยลบกดดันผลประกอบการ และ/หรือราคาหุ้นมีปัจจัยลบ ดังนี้ 

 

  1. กลุ่มหุ้นที่คาดได้ผลกระทบลบจากการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 5-8%YoY ทั้งนี้กลุ่มอุตสาหกรรมที่คาดจะได้รับผลกระทบเชิงลบมากสุด นำโดยกลุ่มขนส่งพัสดุ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ (กระทบกำไรลงราว 6-12%) และกลุ่มอาหาร (กระทบกำไรลงราว 10%) 

 

  1. กลุ่มหุ้นที่คาดได้ Sentiment ลบจากการปรับตัวลงต่อเนื่องของดัชนี BDI ซึ่งล่าสุด BDI Index ปรับตัวลงทำจุดต่ำสุดในรอบ 2 ปี 2 เดือน เช่น กลุ่มเดินเรือเทกอง 

 

  1. กลุ่มหุ้นที่คาดอาจได้รับผลกระทบลบจากสุญญากาศทางการเมืองที่อาจทำให้การประมูลงานล่าช้าออกไป เช่น กลุ่มรับเหมา กลุ่มขนส่งทางรางและโรงไฟฟ้า 

 

  1. กลุ่มหุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากปัญหาซัพพลายเชนหลังจีนเผชิญภัยแล้งรุนแรงสุดเป็นประวัติการณ์ เช่น กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์และกลุ่มยานยนต์ 

 

ส่วนสุดท้าย ผมนำหุ้นกลุ่มต่างๆ ที่แนะนำให้เลือกมาจัดพอร์ตหุ้น 5 ตัว เพื่อเป็นแนวทางสำหรับท่านนักลงทุน ดังนี้ 

 

  1. PTT หุ้นได้อานิสงส์ Fund Flow ไหลเข้า และ Valuation ยังไม่แพง รวมทั้งแนวโน้มผลประกอบการจะยังแข็งแกร่ง นอกจากนี้ยังมี Upside Risk เกี่ยวกับเงินปันผลระหว่างกาล ซึ่งคาดเป็นปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้นในระยะสั้น 

 

  1. IVL หุ้นได้อานิสงส์ Fund Flow ไหลเข้า และ Valuation ยังไม่แพง ส่วนกำไรปกติ 2H65 คาดปรับตัวดีขึ้นและแข็งแกร่งต่อเนื่อง โดย Oxiteno จะช่วยสนับสนุนกำไรธุรกิจ IOD เพิ่มขึ้น และคาดกำไรสุทธิปี 2565 เติบโตเด่นที่ 81%YoY 

 

  1. CPALL โมเมนตัมกำไรดี โดย 3Q65 คาดผลประกอบการจะปรับตัวดีขึ้น YoY ปัจจัยหนุนจากธุรกิจ CVS และส่วนแบ่งกำไรจาก MAKRO ที่ดีขึ้นจากฐานต่ำและ Synergy จาก MAKRO กับ Lotus’s และเพิ่มขึ้น QoQ จากปัจจัยฤดูกาล 

 

  1. SCGP คาดกำไรปกติ 3Q65 ดีขึ้นทั้ง QoQ และ YoY จากฐานต่ำ, การปรับราคาผลิตภัณฑ์ขึ้นเพื่อครอบคลุมต้นทุนที่สูงขึ้น, อุปสงค์ที่ดีขึ้นในประเทศหลักๆ ทุกประเทศ และการส่งออกไปจีนมากขึ้น ประกอบกับกำไรเพิ่มเติมหลังซื้อกิจการ Peute ในเดือนกรกฎาคม 

 

  1. SYNEX หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจาก Apple เตรียมจัดอีเวนต์ใหญ่เปิดตัว iPhone 14 ในวันที่ 7 กันยายนนี้ ขณะที่สถิติการเคลื่อนไหวของราคาหุ้น SYNEX กับการเปิดตัวสินค้าใหม่ iPhone พบว่ามีการปรับตัวเพิ่มขึ้นก่อนการเปิดตัว 1 เดือน และ 1-2 สัปดาห์

               


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH


Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising