ในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา ตลาดหุ้นบ้านเราปรับขึ้นอย่างโดดเด่น โดยมีแรงหนุนหลักจาก Fund Flow ที่ไหลเข้าต่อเนื่อง โดยตั้งแต่ 1 สิงหาคม ถึง 26 สิงหาคม นักลงทุนต่างชาติ ซื้อสุทธิไปกว่า 5 หมื่นล้านบาท เป็นแรงซื้อเข้ามาในหุ้นบิ๊กแคป (เช่น BH, KBANK, BANPU, PTTEP, SCB) หนุนดัชนีหุ้นไทย (SET) ขึ้นไปทำจุดสูงบริเวณ 1,650 จุด
อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้น การปรับขึ้นของดัชนีเริ่มจำกัดหลังขาดปัจจัยหนุนใหม่ ขณะที่ในประเทศมีปัจจัยการเมืองหลังศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องวินิจฉัยคุณสมบัตินายกรัฐมนตรี และให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ไปก่อน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- 8 หุ้นเนื้อทอง เซียนหุ้น รุมตอม ร่วมลงทุนติดอันดับผู้ถือหุ้นใหญ่
- อัปเดต 7 หุ้น พอร์ต เซียนฮง สถาพร งามเรืองพงศ์ มูลค่า 6.14 พันล้านบาท
- 10 หุ้น ขึ้น XD จ่ายเงินปันผลสูงสุดในรอบเดือน ก.ย. 65
ทั้งนี้ ในช่วง 1 เดือนครึ่งที่ผ่านมา SET ปรับขึ้นเกือบ 9% จากจุดต่ำสุดบริเวณ 1,517 จุด ซึ่งสะท้อนความเสี่ยงเงินเฟ้อสูงที่เริ่มลดลง และรับกระแสเงินทุน (Fund Flow) ที่ไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่องไปพอสมควรแล้ว ขณะที่ความเสี่ยงเรื่องการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกที่มีมากขึ้น หลังถ้อยแถลงของประธาน Fed ยังมีท่าทีหนักแน่นต่อการปรับขึ้นดอกเบี้ยแรงต่อไปเพื่อลดเงินเฟ้อ แม้จะมีต้นทุนต่อเศรษฐกิจก็ตาม คาดจะกดดันบรรยากาศลงทุนในตลาดสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก รวมทั้ง SET ให้มีความผันผวนสูงและมีการปรับขึ้นได้จำกัดมากขึ้น ทำให้คาดตลาดจะเข้าสู่โหมด Risk Off หรือมีแรงขายทำกำไรในสินทรัพย์เสี่ยง หลังปรับขึ้นมาอย่างต่อเนื่องก่อนหน้านี้ และคาดเม็ดเงินจะเข้ามาพักในสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างเงินดอลลาร์ไปสักระยะ จนกว่าจะมีความชัดเจนเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ซึ่งติดตามประชุม Fed ครั้งถัดไปในเดือนหน้าวันที่ 20-21 กันยายน ทำให้ผมมองแนวโน้ม SET โดยเฉพาะในครึ่งแรกของเดือนกันยายน มีโอกาสปรับตัวลงเพื่อพักฐาน
โดยมีแนวรับอยู่ที่ 1,600 และ 1,560-1,570 จุด ตามลำดับ ส่วนกรอบบนคาดถูกจำกัดที่แนวต้าน 1,640-1,650 จุด ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนจึงแนะนำเลือกกลุ่มลงทุนอย่างระมัดระวัง โดยเน้นหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
- กลุ่มหุ้นบิ๊กแคปที่คาดได้อานิสงส์ Fund Flow ไหลเข้า และ Valuation ยังไม่แพง เลือก BBL, PTT, IVL, AOT
- กลุ่มหุ้นที่คาด 3Q65 กำไรเติบโตดีทั้ง YoY และ QoQ เลือก CPALL, SCGP, CENTEL
- กลุ่มหุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจาก Apple เตรียมจัดอีเวนต์ใหญ่เปิดตัว iPhone 14 ในวันที่ 7 กันยายน เลือก COM7, CPW, SYNEX ซึ่งเน้นเก็งกำไรเล่นรอบสั้นๆ ก่อนวันเปิดตัวสินค้าใหม่
ส่วนกลุ่มหุ้นที่แนะนำให้หลีกเลี่ยงหรือเพิ่มความระมัดระวังการลงทุน คือกลุ่มที่มีปัจจัยลบกดดันผลประกอบการ และ/หรือราคาหุ้นมีปัจจัยลบ ดังนี้
- กลุ่มหุ้นที่คาดได้ผลกระทบลบจากการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 5-8%YoY ทั้งนี้กลุ่มอุตสาหกรรมที่คาดจะได้รับผลกระทบเชิงลบมากสุด นำโดยกลุ่มขนส่งพัสดุ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ (กระทบกำไรลงราว 6-12%) และกลุ่มอาหาร (กระทบกำไรลงราว 10%)
- กลุ่มหุ้นที่คาดได้ Sentiment ลบจากการปรับตัวลงต่อเนื่องของดัชนี BDI ซึ่งล่าสุด BDI Index ปรับตัวลงทำจุดต่ำสุดในรอบ 2 ปี 2 เดือน เช่น กลุ่มเดินเรือเทกอง
- กลุ่มหุ้นที่คาดอาจได้รับผลกระทบลบจากสุญญากาศทางการเมืองที่อาจทำให้การประมูลงานล่าช้าออกไป เช่น กลุ่มรับเหมา กลุ่มขนส่งทางรางและโรงไฟฟ้า
- กลุ่มหุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากปัญหาซัพพลายเชนหลังจีนเผชิญภัยแล้งรุนแรงสุดเป็นประวัติการณ์ เช่น กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์และกลุ่มยานยนต์
ส่วนสุดท้าย ผมนำหุ้นกลุ่มต่างๆ ที่แนะนำให้เลือกมาจัดพอร์ตหุ้น 5 ตัว เพื่อเป็นแนวทางสำหรับท่านนักลงทุน ดังนี้
- PTT หุ้นได้อานิสงส์ Fund Flow ไหลเข้า และ Valuation ยังไม่แพง รวมทั้งแนวโน้มผลประกอบการจะยังแข็งแกร่ง นอกจากนี้ยังมี Upside Risk เกี่ยวกับเงินปันผลระหว่างกาล ซึ่งคาดเป็นปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้นในระยะสั้น
- IVL หุ้นได้อานิสงส์ Fund Flow ไหลเข้า และ Valuation ยังไม่แพง ส่วนกำไรปกติ 2H65 คาดปรับตัวดีขึ้นและแข็งแกร่งต่อเนื่อง โดย Oxiteno จะช่วยสนับสนุนกำไรธุรกิจ IOD เพิ่มขึ้น และคาดกำไรสุทธิปี 2565 เติบโตเด่นที่ 81%YoY
- CPALL โมเมนตัมกำไรดี โดย 3Q65 คาดผลประกอบการจะปรับตัวดีขึ้น YoY ปัจจัยหนุนจากธุรกิจ CVS และส่วนแบ่งกำไรจาก MAKRO ที่ดีขึ้นจากฐานต่ำและ Synergy จาก MAKRO กับ Lotus’s และเพิ่มขึ้น QoQ จากปัจจัยฤดูกาล
- SCGP คาดกำไรปกติ 3Q65 ดีขึ้นทั้ง QoQ และ YoY จากฐานต่ำ, การปรับราคาผลิตภัณฑ์ขึ้นเพื่อครอบคลุมต้นทุนที่สูงขึ้น, อุปสงค์ที่ดีขึ้นในประเทศหลักๆ ทุกประเทศ และการส่งออกไปจีนมากขึ้น ประกอบกับกำไรเพิ่มเติมหลังซื้อกิจการ Peute ในเดือนกรกฎาคม
- SYNEX หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจาก Apple เตรียมจัดอีเวนต์ใหญ่เปิดตัว iPhone 14 ในวันที่ 7 กันยายนนี้ ขณะที่สถิติการเคลื่อนไหวของราคาหุ้น SYNEX กับการเปิดตัวสินค้าใหม่ iPhone พบว่ามีการปรับตัวเพิ่มขึ้นก่อนการเปิดตัว 1 เดือน และ 1-2 สัปดาห์
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP