×

จับสัญญาณ ‘หุ้นไทย’ เดือนมีนาคม ส่อแววผันผวนไร้ทิศทาง ชูกลยุทธ์ลงทุนเน้นหุ้น 4 กลุ่มหลัก

01.03.2021
  • LOADING...
จับสัญญาณ ‘หุ้นไทย’ เดือนมีนาคม ส่อแววผันผวนไร้ทิศทาง ชูกลยุทธ์ลงทุนเน้นหุ้น 4 กลุ่มหลัก

ผ่านไปแล้ว 2 เดือนสำหรับปี 2564 ภาพของตลาดหุ้นไทยเป็นลักษณะของการแกว่งขึ้นลงในกรอบที่แคบลงเรื่อยๆ จากดัชนี SET ซึ่งปิดปีก่อนที่ราว 1,450 จุด วิ่งขึ้นไปแตะระดับ 1,560 จุด ในช่วง 2 สัปดาห์แรกของปี จากนั้นจึงค่อยๆ ลดช่วงของการวิ่งขึ้นลงมาอยู่ในกรอบ 1,480-1,520 จุด 

 

การเคลื่อนไหวของดัชนี SET ช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา 

 

 

สำหรับทิศทางของดัชนี SET ช่วงเดือนมีนาคม ในมุมมองของนักวิเคราะห์และบริษัทจัดการกองทุนมองภาพคล้ายกันคือ ดัชนีมีแนวโน้มจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบขึ้นสลับลงต่อไป โดยอาจจะยังไม่มีทิศทางที่ชัดเจนคล้ายกับช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา 

 

สรพล วีระเมธีกุล ผู้อำนวยการอาวุโส บล. กสิกรไทย มองว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยเดือนมีนาคมน่าจะเป็นภาพคล้ายกับช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา กล่าวคือเป็นภาพของการแกว่งตัวยังไม่มีทิศทางชัดเจน โดยประเมินกรอบแนวรับที่ 1,444 จุด และแนวต้านบริเวณ 1,580 จุด

 

“ช่วงเดือนมีนาคมต่อเนื่องถึงเดือนเมษายนยังไม่มีปัจจัยลบมากนัก แต่ด้วย Valuation ที่ตึงตัวทำให้ตลาดไม่สามารถปรับขึ้นได้มากนัก และน่าจะยังคงผันผวนต่อไป” 

 

สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามในช่วงถัดจากนี้ ได้แก่ 1. การทยอยเปิดประเทศของฝั่งตะวันตก รวมถึงของไทยด้วย หลังจากที่มีการกระจายวัคซีน 2. ความกังวลในเรื่องเงินเฟ้อที่จะส่งผลกระทบต่อการปรับลดวงเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งจากท่าทีของ Fed สะท้อนว่ายังไม่น่าจะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ 

 

ธีมการลงทุนในช่วงเดือนหน้าจะยังคงล้อไปกับประเด็นบอนด์ยีลด์ขาขึ้น ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนจึงเน้นไปที่ 4 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มแบงก์ อาทิ SCB กลุ่มที่มีสินทรัพย์ถือครอง อาทิ BAM กลุ่มสินค้าแก็ดเจ็ต อาทิ Synex และกลุ่มพลังงาน อาทิ PTTEP โดยพอร์ตลงทุนยังแนะนำสัดส่วนหุ้นไทย 60% หุ้นต่างประเทศ 20% พันธบัตร 10% และเงินสด 10% 

 

“ที่ผ่านมามีความกังวลเรื่องของบอนด์ยีลด์ขาขึ้น ซึ่งส่วนตัวเห็นด้วยว่าจะเป็นขาขึ้น แต่สำหรับตลาดหุ้นเกิดใหม่ (EM) ต้องพิจารณาในส่วนของ Real Yield และ Dollar Index ประกอบด้วย หากตัวเลข Real Yield ติดลบลดลงอย่างรวดเร็วจะน่ากังวลมากขึ้น คนพูดเรื่องบอนด์ยีลด์ ซึ่งเห็นด้วย แต่ตลาด EM ต้องดู Real Yield ถ้าติดลบลดลงเร็วๆ รวมถึงเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง จึงจะต้องระวังมากขึ้น”

 

ในมุมของนักลงทุนสถาบันอย่าง สาห์รัช ชัฏสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาด และที่ปรึกษาการลงทุน บลจ. ทิสโก้ มองว่า ภาพตลาดน่าจะเป็นลักษณะ Sideway โดยมีอัปไซด์ไม่มาก เว้นแต่จะเห็นการปรับฐานลงมาก่อน 

 

โดยรวมภาพจะคล้ายกับช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เนื่องจากไทยยังต้องรอการฟื้นตัวของการเดินทางระหว่างประเทศ ขณะเดียวกันยังต้องติดตามเรื่องของการกระจายวัคซีนว่าจะทำได้รวดเร็วเพียงใดและมีประสิทธิภาพอย่างไร นอกจากนี้ยังต้องติดตามในส่วนของการเมือง ซึ่งจะต้องมีการปรับคณะรัฐมนตรีเพิ่มเติมสำหรับ 3 ตำแหน่งที่รัฐมนตรีเดิมหลุดพ้นจากตำแหน่ง 

 

ส่วนปัจจัยต่างประเทศ โดยเฉพาะเรื่องของเงินเฟ้อที่น่าจะเพิ่มขึ้น แต่ต้องติดตามว่าจะเพิ่มขึ้นเร็วเพียงใด 

 

“มองว่าตลาดหุ้นไทยในระยะสั้นนี้เป็นลักษณะของการ Trading หากดัชนีปรับตัวสูงขึ้นก็ควรปรับลดพอร์ตลงบ้าง เพราะปัจจัยต่างๆ ยังมีความไม่แน่นอนสูง ทั้งนี้สัดส่วนของหุ้นไทยและต่างประเทศ แนะนำหุ้นไทย 30% ส่วนที่เหลือเป็นต่างประเทศ 70% เนื่องจากหุ้นไทยส่วนใหญ่ยังเป็นธุรกิจ Old Economy และที่ผ่านมากลุ่มหุ้นวัฏจักรก็ปรับตัวขึ้นมามากในระดับหนึ่งแล้ว” 

 

สำหรับการลงทุนต่างประเทศแนะนำเป็นตลาดหุ้นเกิดใหม่ นำโดย ‘จีน’ ซึ่งคาดการณ์กันว่าเศรษฐกิจปีนี้จะขยายตัวได้ราว 8% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากโควิด-19 น้อย และการบริโภคในประเทศยังแข็งแกร่ง รวมถึงความตึงเครียดเรื่องสงครามการค้าที่น่าจะลดลง และแรงหนุนจากแนวโน้มของเงินดอลลาร์ที่ยังน่าจะอ่อนค่าในระยะยาว 

 

ส่วนการเลือกลงทุนเป็นกลุ่มอุตสาหกรรม ส่วนตัวเชื่อว่ากลุ่มเทคโนโลยีที่แม้ว่าจะปรับขึ้นมามาก แต่ในระยะยาวยังคงไม่มีแนวโน้มที่จะเติบโตต่อไปได้ในอนาคต รวมถึงกลุ่มเฮลธ์แคร์ ซึ่งจะสามารถยกระดับอุตสาหกรรมด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ  

 

ทิศทาง Fund Flow ช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา 

 

อ้างอิง: Setsmart ข้อมูล ณ วันที่ 24 ก.พ. 2564 

 

ด้าน บล. เอเซียพลัส ระบุว่า ทิศทาง Fund Flow ในเดือนมีนาคม ยังมีหลายปัจจัยหนุนให้ไหลกลับเข้ามาในตลาดหุ้นไทย ได้แก่ สภาพคล่องส่วนเกินในระบบ สังเกตได้จากมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยตั้งแต่ต้นที่ผ่านมา ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต และยอดการเปิดบัญชีที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ 

 

ถัดมาคือบอนด์ยีลด์ของไทยเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ ล่าสุดแตะระดับ 1.62% สะท้อนว่าเม็ดเงินเริ่มไหลออกจากสินทรัพย์ปลอดภัย และมีโอกาสไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยงในระยะถัดไป นอกจากนี้ การฉีดวัคซีนกระจายตัวมากขึ้น และตลาดหุ้นไทยยัง Laggard จากตลาดหุ้นอื่นๆ เมื่อวัดจากจุดสูงสุดก่อนเกิดโควิด-19 ทำให้ต่างชาติมีโอกาสกลับมาสนใจหุ้นไทย 

 

ด้าน อาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการบริหาร ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล. ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) มองในมุมที่คล้ายกันว่า ความผันผวนจะยังคงอยู่กับตลาดหุ้นไทยอีกสักพัก โดยเป็นลักษณะของการแกว่งตัวไร้ทิศทาง โดยปัจจัยสำคัญคงเป็นเรื่องของการกระจายวัคซีน ซึ่งต้องติดตามว่าจะทำได้รวดเร็วเพียงใด 

 

ขณะที่ปัจจัยกดดันซึ่งจะเข้ามาในช่วงสั้นคือ การจ่ายปันผลของหุ้นใหญ่อาจจะกดดันตลาดในวันที่มีการขึ้นเครื่องหมาย XD ขณะที่แรงกดดันเรื่องของบอนด์ยีลด์ขาขึ้น เชื่อว่าตลาดรับรู้ปัจจัยดังกล่าวไปมากแล้ว 

 

“หากดัชนี SET พลิกกลับมายืนเหนือ 1,500 จุด ก็มีโอกาสจะกลับไประดับ 1,530-1,550 จุด แต่หากยืนไม่ได้เชื่อว่าตลาดจะยังคงแกว่งตัวผันผวนต่อไป สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในระยะถัดไปควรทะยอยสะสมหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวซึ่งผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และจะได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว” 

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising