หุ้นไทยวันนี้ (30 พฤศจิกายน) ปิดการซื้อขายที่ 1,568.69 จุด ลดลง 21 จุด หรือ -1.32% ระหว่างวันปรับตัวแตะระดับสูงในที่ 1,612.10 จุด และต่ำสุดที่ 1,565.95 จุด ตลอดวันผันผวน 46 จุด ขณะที่ตลาดหุ้นต่างประเทศปรับตัวลดลงเช่นกัน เนื่องจากตลาดยังกังวลเกี่ยวโควิดสายพันธุ์โอไมครอน เพราะยังไม่มีข้อมูลที่แน่ชัดเรื่องการแพร่ระบาด ความรุนแรงของอาการ และวัคซีน
โดยหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก คือ
- KBANK -3.30%
- AOT ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
- EA +3.80%
- SCC -2.36%
- BBL -3.42%
ทั้งนี้นักลงทุนสถาบันในประเทศ ขายสุทธิ 2,453.34 ล้านบาท, บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ขายสุทธิ 7,201.16 ล้านบาท, นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ 3,535.33 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไปในประเทศ ซื้อสุทธิ 13,189.82 ล้านบาท
มงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์ บล.เคทีบีเอสที กล่าวว่า ความกังวลเรื่องการแพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์โอไมครอนยังกดดันตลาดหุ้นทั่วโลก โดยนักลงทุนต่างกังวลเพิ่มขึ้นถึงการปิดประเทศอีกครั้งหลังจากที่มีรายงานพบผู้ติดเชื้อในหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงการยกระดับมาตรการด้านการเดินทางระหว่างประเทศที่เข้มข้นขึ้น ซึ่งเท่ากับว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจจะชะงักอีกครั้ง
สำหรับหุ้นไทย แม้ในช่วงเช้าจะเปิดการซื้อขายในแดนบวกและปรับขึ้นราว 20 จุด แต่ในช่วงบ่ายดัชนีก็เริ่มผันผวนและปรับลดลงสู่แดนลบต่อเนื่อง ซึ่งเกิดจากความกังวลในปัจจัยเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม เป็นที่สังเกตได้ว่าหุ้นกลุ่มแบงก์ปรับตัวลดลงหนักมากในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนว่านักลงทุนไทยที่มีความกังวลในเรื่องการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยรวมมากขึ้น
ทั้งนี้ประเมินว่าทั่วโลกยังคงจับตาข้อมูลเชิงลึกของสายพันธุ์โอไมครอน เช่น อัตราและรูปแบบการแพร่ระบาด การแสดงอาการ รวมถึงประสิทธิภาพของวัคซีนที่จะมาป้องกันและรักษา ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลใดมีความชัดเจน
“แนวโน้มตลาดหุ้นไทยและทั่วโลกจะอ่อนไหวมากขึ้น เห็นได้ว่าข้อมูลต่างๆ ก็ยังต้องรอติดตามอยู่ แต่นักลงทุนกลับมากังวลกันมากขึ้น สะท้อนได้จากดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลกที่ผันผวน ทั้งนี้มองว่าระดับความกังวลจะเริ่มลดลงก็ต่อเมื่อมีการแถลงหรือให้ข้อมูลอย่างเป็นทางการของผู้ผลิตวัคซีน”
สำหรับตลาดหุ้นไทย ประเมินว่านักลงทุนไทยมองเห็นสัญญาณเศรษฐกิจเปราะบางชัดขึ้น ซึ่งทำให้หุ้นในกลุ่มแบงก์ปรับตัวลดลงค่อนข้างมาก ทั้งนี้ แม้จะอยู่กับโควิดมาเกือบ 2 ปีแล้ว และเริ่มปรับตัวรับมือกันได้ แต่ความเสียหายทางธุรกิจและเศรษฐกิจที่มีสาเหตุจากโควิดนั้นยังไม่หมดไปโดยง่าย และหากเศรษฐกิจไม่ฟื้นตัวตามคาด ขณะเดียวกันยังมีการกลายพันธุ์ของโควิดมาซ้ำเติม กลุ่มแบงก์จะเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก
ทั้งนี้ประเมินว่าหุ้นไทยยังผันผวนสูงเช่นนี้ต่อเนื่องตลอดทั้งสัปดาห์ หรือจนกว่าจะมีข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสายพันธุ์โอไมครอนจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ อาทิ ผู้ผลิตวัคซีน
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP