‘หุ้นไทย’ เปิดตลาดดิ่ง 28 จุด ก่อนรีบาวด์ นักลงทุนหวั่นธนาคารกลางเร่งขึ้นดอกเบี้ยแรง หลังเงินเฟ้อหลายประเทศพุ่งทุบสถิติ

หุ้นไทยเปิดดิ่ง 28 จุด ตอบรับแรงกดดันเงินเฟ้อหลายประเทศ รวมทั้งอังกฤษที่พุ่งขึ้นแตะระดับ 9% ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เพิ่มความกังวลต่อนโยบายการเงินของธนาคารกลางทั่วโลกที่อาจจะเร่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อเอาชนะเงินเฟ้อ ซึ่งจะกดดันต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ นักวิเคราะห์ระบุ หุ้นไทยรับแรงกดดันจากเงินเฟ้อสูงทั่วโลกต่อเนื่องไปจนถึงการประชุม Fed ครั้งหน้า

กรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยที่ปรับลดลงแรงในวันนี้ (19 พฤษภาคม) มาจากความกังวลเรื่องเงินเฟ้อปรับเพิ่มขึ้นสูง ส่งผลให้เกิดความกังวลเรื่องแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อกำลังซื้อฝั่งผู้บริโภค และทำให้นักลงทุนมีความกังวลต่อการใช้นโยบายการเงินของประเทศพัฒนาแล้วเพิ่มมากขึ้น

โดยวานนี้ (18 พฤษภาคม) สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) เปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของอังกฤษ ประจำเดือนเมษายน เพิ่มขึ้นแตะระดับ 9% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งนับเป็นระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี เนื่องจากราคาอาหารและพลังงานเพิ่มสูงขึ้น ทำให้วิกฤตค่าครองชีพของอังกฤษทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น

นอกจากนี้เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี CPI เดือนเมษายน เพิ่มขึ้น 2.5% ต่ำกว่าการคาดการณ์ถึงการปรับขึ้น 2.6% เมื่อเทียบรายเดือน และ 9.1% เมื่อเทียบรายปี ในผลสำรวจนักเศรษฐศาสตร์ของสำนักข่าว Reuters

ทั้งนี้ ดัชนี CPI ที่เพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบรายปีนี้เป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่มีการเริ่มต้นเก็บข้อมูลในปี 2532 โดยสูงกว่าสถิติเดิมที่ 8.4% ในเดือนมีนาคม 2534 และสูงกว่าระดับ 7% ในเดือนมีนาคม 2565

“หุ้นไทยวันนี้ลงแรงจากความกังวลผลกระทบเงินเฟ้อที่อาจมีต่อกำไรตลาดในช่วงรอยต่อการใช้นโยบายการเงินเข้มงวดเพื่อแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น แม้ตอนนี้ประเทศพัฒนาแล้วจะใช้นโยบายการเงินแบบเข้มงวดและทยอยขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่เมื่อตัวเลขเงินเฟ้อยังคงพุ่งขึ้นสูง ตลาดย่อมกังวลว่าธนาคารกลางแต่ละประเทศจะเร่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแรงขึ้น” กรภัทรกล่าว

กรภัทรกล่าวว่า แรงกดดันเรื่องความกังวลเงินเฟ้อและนโยบายการเงินประเทศสำคัญจะกดดันตลาดหุ้นทั่วโลก รวมถึงตลาดหุ้นไทยเป็นระยะ ต่อเนื่องไปจนถึงกลางเดือนมิถุนายน ที่จะมีการประชุมของ Fed อีกครั้ง โดยระหว่างทางจะได้เห็นการรีบาวด์ของหุ้นไทยบ้าง แต่ก็เป็นการรีบาวด์ระยะสั้นๆ ตามปัจจัยเฉพาะตัวของหุ้นเท่านั้น จึงแนะนำกลยุทธ์ Selective Buy และรอจังหวะเข้าสะสมเมื่อราคาอ่อนตัว

โดยวันนี้แนะนำลงทุนกลุ่มที่ได้ประโยชน์บาทอ่อนทางตรงและจำหน่ายอาหารที่เป็นสินค้าจำเป็น (GFPT, CPF) และสินค้ายังเป็นที่ต้องการ (SAPPE, ASIAN, MEGA, KCE) และกลุ่มได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่าในทางอ้อม (BDMS, BCH)

ส่วนหุ้นเทคโนโลยีที่เติบโตดี ที่มีพื้นฐานแกร่ง แนะนำ JMT, JMART, KCE, BE8, BBIK, INSET, CHAYO ระยะสั้นอาจจะมี Sentiment ลบหุ้นเทคฯ ต่างประเทศปรับฐานแรง และแนะนำหุ้นประกัน (TIPH, BLA, THREL) ที่บอนด์ยีลด์สหรัฐฯ 10 ปี ชะลอการปรับเพิ่มลง หลังทำจุดสูงสุด 3.2% ระยะสั้นให้รอตั้งรับ

ส่วนแนวรับวันนี้มองที่ 1,594 จุด แต่หากปรับฐานมาบริเวณ 1,580-1,550 จุด จะเป็นจุดที่สามารถพิจารณาเพิ่มน้ำหนักลงทุนราว 5-10% ลงทุนระยะกลาง-ยาว

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH