ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยเช้านี้ (21 มิถุนายน) เปิดการซื้อขายที่ 1,596.96 จุด หรือลดลงราว 1% ก่อนจะไหลลงไปแตะระดับ 1,591 จุด ในช่วง 10 นาทีแรกของการซื้อขาย ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย อาทิ ญี่ปุ่น -4% อินโดนีเซีย -1.3% ไต้หวัน -1.3% เกาหลีใต้ -1.2% ฮ่องกง -% ฟิลิปปินส์ -0.7% และจีน -0.5%
ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อตลาดหุ้นทั่วโลกคือ เมื่อสัปดาห์ก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้นราว 2 ครั้งในปี 2566 และตามมาด้วยการที่ประธาน Fed สาขา St. Louis คือ James Brian Bullard เผยว่า Fed อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ ในปี 2565 เร็วขึ้นอีก 1 ปี โดย James Bullard มีสิทธิลงมติในการโหวตขึ้นหรือคงดอกเบี้ยในปี 2565
บล.เอเซียพลัส ระบุว่า สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ภาพรวมของตลาดให้ต่างประเทศช่วงวันศุกร์อย่าง สหรัฐฯ และยุโรป ปรับฐานลงแรงราว 1.5-1.8% และค่าเงินดอลลาร์ยังมีแนวโน้มแข็งค่าแรง ล่าสุดแข็งค่ามากที่สุดตั้งแต่วันที่ 12 เมษายน อยู่ที่ 92.2 จุด ยังกดดันราคาสินค้าโภคภัณฑ์เกือบทุกชนิด และทำให้สินทรัพย์เสี่ยงอื่นๆ อาทิ Bitcoin รวมถึงสินทรัพย์ปลอดภัย อาทิ ทองคำ ปรับลงแรงต่อ
ทั้งนี้ ประเมินแนวรับตลาดหุ้นไทยที่ระดับ 1,600 จุด และ 1,580 จุดตามลำดับ และเชื่อว่าตลอดทั้งสัปดาห์นี้ ตลาดหุ้นโลกและหุ้นไทยน่าจะยังถูกกดดันจากการออกมาสื่อสารของเจ้าหน้าที่ Fed ถึงทิศทางดอกเบี้ย
โดยรวมเชื่อว่าภาพของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในสหรัฐฯ มีความชัดเจนขึ้น คาดหวังฟันด์โฟลว์จากต่างชาติมีแนวโน้มชะลอการไหล โดยคาดหวังเม็ดเงินลงทุนจะมาจากนักลงทุนในประเทศ เนื่องจากแนวโน้มดอกเบี้ยไทยคาดจะคงในระดับนี้ต่อไปจนถึงสิ้นปี 2564 เป็นอย่างน้อย โดยวันที่ 23 มิถุนายน ติดตามผลการประชุม กนง. คาดในครั้งนี้ กนง. ยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ในระดับต่ำที่ 0.5% ให้น้ำหนักไปที่ประมาณการการเติบโตของ GDP ไทยของ ธปท. ในปี 2564-2565 อาจจะมีการปรับลดหลังจากโควิด-19 ยืดเยื้อ
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
