เปิด 4 ข้อสังเกตที่บ่งชี้ว่าน่าจะเกิด Window Dressing ในปลายไตรมาส 1 ปีนี้ ด้านนักวิเคราะห์ประเมินว่ารอบนี้อาจจะผลักดันดัชนีไม่มาก เนื่องจากตลาดหุ้นไทยไม่ถูกและมีปัจจัยเสี่ยงรออยู่อีกมาก โดยเฉพาะเงินเฟ้อและนโยบายการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) พูดถึงกรณีการเกิด Window Dressing ในไตรมาส 1/65 ว่า ผลจากการวิเคราะห์เชิงปริมาณพบว่ามีความน่าจะเป็นที่จะเกิดในไตรมาส 1 และ 4 มากกว่าไตรมาส 2 และ 3 โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวของของ SET50 Index ในช่วง 10 วันก่อนจบไตรมาส 1 ที่มักให้ผลตอบแทนเป็นบวกด้วยความน่าจะเป็น 75%
จากข้อมูลย้อนหลัง 5 ปี พบว่าการเคลื่อนไหวของ SET50 Index ในช่วง 5 วันทำการ และ 10 วันทำการสุดท้ายของแต่ละไตรมาสให้ผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ +0.3% และ -0.2% ตามลำดับ หากตัดช่วงที่ถูกกระทบจากโควิดอย่างหนักในปี 2563 ออก จะให้ผลตอบแทนเฉลี่ยที่ -0.1% เท่ากันทั้ง 2 ช่วงเวลา ทำให้ได้ข้อสรุปเบื้องต้นว่าการทำ Window Dressing ไม่ได้เกิดขึ้นทุกไตรมาส
แต่ถ้าพิจารณาไปที่ค่าเฉลี่ยของแต่ละไตรมาส จะพบว่าการเคลื่อนไหวในช่วง 5 วันสุดท้ายของแต่ละไตรมาสไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน ส่วนการเคลื่อนไหวในช่วง 10 วันสุดท้ายของแต่ละไตรมาส พบว่า ไตรมาส 1 และไตรมาส 4 ให้ค่าเฉลี่ยของผลตอบแทนเป็นบวกที่ +0.1% และ +0.6% ตามลำดับ
โดยมีความน่าจะเป็นในการให้ผลตอบแทนเป็นบวกเท่ากันที่ระดับ 75% ขณะที่ไตรมาส 2 และไตรมาส 3 ให้ค่าเฉลี่ยของผลตอบแทนเป็นลบที่ -1.1% และ -0.1% ตามลำดับ โดยมีความน่าจะเป็นในการให้ผลตอบแทนเป็นลบเท่ากันที่ระดับ 50%
โดยรอบนี้เชื่อว่าจะเกิด Window Dressing จาก 4 เหตุผล คือ
- การเคลื่อนไหวของ SET50 Index ที่ +2.1% YTD ได้ซึมซับแรงกดดันที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นปีไปเกือบหมดแล้ว ทั้งการปรับนโยบายการเงินของ Fed, การระบาดของโอมิครอน, ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน และความผันผวนของตลาดการเงินจีน
- หุ้นใหญ่หลายตัวยังให้ผลตอบแทนใกล้เคียงสิ้นไตรมาส 4/64 ซึ่งแรงซื้อในหุ้นเหล่านั้นเพียงเล็กน้อยสามารถสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยของกองทุนให้เป็นบวกได้
- แนวโน้มผลประกอบการของกลุ่มนำตลาดจะเห็นการเติบโตแบบ YoY เช่น พลังงาน ธนาคารพาณิชย์ ค้าปลีก อสังหาริมทรัพย์ อาหาร เครื่องดื่ม ท่องเที่ยว และบันเทิง ซึ่งจะช่วย Support การเคลื่อนไหวของ SET50 Index ในช่วงการประกาศผลประกอบการของธุรกิจที่เป็นธีมการลงทุนต่อเนื่องหลังจบ Window Dressing ได้
- กองทุนในประเทศมีเม็ดเงินรองรับการทำ Window Dressing อยู่มาก เพราะ YTD ยังเป็นฝ่ายขายสุทธิอยู่ 73,128 ล้านบาท ซึ่งเกือบเท่าที่ขายสุทธิทั้งปี 2564 ที่ 77,336 ล้านบาท สะท้อนว่ากองทุนในประเทศมีเงินสดในมือเพียงพอที่จะเข้าลงทุนต่อในช่วงนี้
“หุ้นใหญ่ที่ผลตอบแทนยังบวกไม่มากหรือหุ้นใหญ่ที่ปรับลดลงมากกว่าตลาดจะมีโอกาสได้รับแรงซื้อ ช่วงเวลาปัจจุบันเหมาะกับลงทุนในธีมนี้มากที่สุด เพราะเหลือเวลาอีก 10 วันทำการจะหมดไตรมาส ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ได้ผลลัพธ์เป็นบวกตามการวิเคราะห์” ณัฐพลกล่าว
ทั้งนี้ คาดการณ์หุ้นที่มีโอกาสถูกทำ Window Dressing ได้แก่ PTT, AOT, EA, CPN, GPSC, DTAC, TRUE, TTB
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าการทำ Window Dressing รอบนี้จะผลักดันดัชนีได้ไม่มากนัก เนื่องจากปัจจุบันหุ้นไทยไม่ถูก ที่ผ่านมาดัชนีปรับตัวลดลงน้อยกว่าตลาดหุ้นต่างประเทศ
สุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการสายงานวิจัย บล.ไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ปลายไตรมาส 1/65 มีโอกาสที่จะเกิด Window Dressing เนื่องจากหุ้นใหญ่บางตัวปรับลดลงมากเกินไปหรือต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน อย่างไรก็ตาม มองว่าไม่มีนัยสำคัญต่อดัชนี เพราะระดับดัชนีหุ้นไทยไม่ได้ปรับฐานลงลึกมาก
ขณะเดียวกัน สถาบันในประเทศขายสุทธิหุ้นไทยต่อเนื่องในช่วงไตรมาส 1/65 เป็นสัญญาณบ่งชี้มุมมองด้านความระมัดระวังการลงทุนในหุ้นไทยในช่วงถัดไป โดยกองทุนไทยน่าจะประเมินความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อและนโยบายการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง รวมถึงความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของโควิดที่ยังคงสร้างผลกระทบต่อภาคธุรกิจและการบริโภคในประเทศอยู่
ด้าน ณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ กล่าวว่า แนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยในทุกๆ ปลายไตรมาสจะมีความผันผวนเพิ่มขึ้น ซึ่งมองว่าเป็นเพราะพฤติกรรมการไล่ราคาหรือไล่ซื้อและขายหุ้นใหญ่ เพื่อผลประโยชน์ด้านสถานะในตลาดฟิวเจอร์สมากกว่า ขณะที่การทำ Window Dressing อาจจะมีเกิดขึ้น แต่เชื่อว่าน่าจะน้อยลงเมื่อเทียบกับข้อมูลในอดีต
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP