หุ้นไทยปิดตลาดเช้ารูด 25 จุดตามต่างประเทศ หลังเงินเฟ้อสหรัฐฯ ยังสูง สร้างแรงกดดันต่อนโยบาย Fed เพิ่ม นักวิเคราะห์คาดบ่ายนี้ร่วงต่อ แนะจับตา Force Sell (บังคับขาย) พรุ่งนี้หากดัชนีทรุดกว่า 20 จุด
หุ้นไทยภาคเช้าวันนี้ (12 พฤษภาคม) ปิดการซื้อขายที่ 1,587.79 จุด ลดลง 25.55 จุด หรือ -1.58% มูลค่าการซื้อขาย 47,983.55 ล้านบาท
ขณะที่ดัชนี SET50 ปิดช่วงเช้าที่ 950.62 จุด ลดลง 11.04 จุด หรือ -1.15%
ดัชนี SET100 ปิดช่วงเช้าที่ 2,158.50 จุด ลดลง 28.91 จุด หรือ -1.32%
และดัชนี mai ปิดช่วงเช้าที่ 593.77 จุด ลดลง 16.73 จุด หรือ -2.74%
หุ้น 5 อันดับแรกที่มูลค่าการซื้อขายสูงสุด ดังนี้
- PTTGC ปิดที่ 45 บาท ลดลง 3 บาท หรือ -6.25% มูลค่าการซื้อขาย 2,552.92 ล้านบาท
- JMT ปิดที่ 67 บาท ลดลง 5.75 บาท หรือ -7.90% มูลค่าการซื้อขาย 2,329.20 ล้านบาท
- CPALL ปิดที่ 62.75 บาท ลดลง 0.75 บาท หรือ -1.18% มูลค่าการซื้อขาย 1,456.33 ล้านบาท
- CRC ปิดที่ 36 บาท ลดลง 2.75 บาท หรือ -7.10% มูลค่าการซื้อขาย 1,320.89 ล้านบาท
- PTT ปิดที่ 36.50 บาท ลดลง 0.25 บาท หรือ -0.68% มูลค่าการซื้อขาย 1,233.40 ล้านบาท
มงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์ บล.เคทีบีเอสที กล่าวว่า ปัจจัยกดดันตลาดหุ้นไทยวันเช้าวันนี้ยังเป็นปัจจัยต่างประเทศ หลังจากที่เมื่อคืนนี้สหรัฐฯ ประกาศตัวเลขเงินเฟ้อซึ่งยังคงทรงตัวระดับสูง ทำให้เกิดความกังวลเพิ่มเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ Fed ที่อาจจะแรงกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ระดับ 0.50% โดยตลาดเริ่มให้น้ำหนักมากขึ้นต่อมุมมองว่า Fed น่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมครั้งถัดไป
การกำหนดนโยบายดอกเบี้ยของ Fed ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของเงินทุนทั่วโลก ซึ่งตอนนี้มีสัญญาณบ่งชี้ที่ชัดเจนมากขึ้นว่าเม็ดเงินล้วนไหลออกจากประเทศต่างๆ กลับสู่สหรัฐฯ
สำหรับระเทศไทย ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงเป็นสัญญาณสะท้อนถึงการไหลออกของเงินทุนที่ชัดเจน และประเมินว่าเงินน่าจะไหลออกอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ทุนสำรองในรูปสกุลเงินต่างประเทศก็ปรับลดลงถึง 6% ในระยะเวลา 1 เดือน ซึ่งถือว่าปรับลดลงค่อนข้างเร็ว
นอกจากนี้ยังมีแรงขายทำกำไรหุ้นที่ประกาศผลประกอบการในไตรมาส 1/65 ออกมาดีตามคาด
“ประเมินช่วงบ่ายว่าดัชนีน่าจะไหลลงต่อ เพราะสัญญาณทุนไหลออกชัดเจนมาก และต่อเนื่องถึงพรุ่งนี้ เชื่อว่าตลาดหุ้นไทยยังคงผันผวนขาลง โดยน่าจะเริ่มได้เห็นการถูก Force Sell ในวันพรุ่งนี้หากวันนี้ดัชนีปรับลดลงมากกว่า 20 จุด” มงคลกล่าว
ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ CPI เดือนเมษายน ออกมาที่ +8.3%YoY สูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ +8.1% และหากเข้าไปดูไส้ในจะเห็นว่าราคาตั๋วเครื่องบินและค่าเดินทางสาธารณะนั้นปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก และเพียงแค่ 2 ส่วนนี้ก็ทำให้ตัวเลข CPI โดยรวมออกมาดูสูงขึ้น +0.2% แล้ว
ส่วนตัวเลข MoM ออกมาที่ +0.3% สูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ +0.2% ด้านตัวเลขเงินเฟ้อพื้นฐานสหรัฐฯ Core CPI (ไม่รวมหมวดอาหารและพลังงาน) YoY ออกมาที่ +6.2% สูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ +6.0% เช่นกัน
ประเด็นดังกล่าวกดดันสินทรัพย์เสี่ยงทุกชนิดโดยเฉพาะหุ้นเทคอย่าง Nasdaq ที่วานนี้ปรับตัวลงกว่า 3.2% และทางด้าน Bitcoin ที่กำลังมีความสัมพันธ์กับหุ้นเทคสูงก็ร่วงหลุดระดับแนวรับที่สำคัญที่ 30,000 ดอลลาร์ไปแล้วด้วยเช่นกัน
ตัวเลขเงินเฟ้อครั้งนี้ทำให้นักลงทุนคาดว่า Fed อาจต้องคิดเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย +0.75% ในการประชุมครั้งต่อไปในเดือนมิถุนายน ขณะที่มีโอกาสเห็นการขึ้นดอกเบี้ยปลายปี ขยับมาที่ 2.75-3% มีมากขึ้น (Probability 51.3%) ซึ่ง 1 เดือนก่อนหน้ามี Probability ต่ำเพียง 19.5% เท่านั้น
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP