ความเคลื่อนไหวดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยวันนี้ (5 พฤษภาคม) เปิดการซื้อขายในแดนลบและปรับตัวลดลงต่อเนื่อง โดยทำระดับต่ำสุดในการซื้อขายช่วงเช้าที่ระดับ 1551.46 จุด คิดเป็นการปรับตัวลงราว 31 จุด ก่อนจะปิดการซื้อขายช่วงเช้าที่ระดับ 1555.01 จุด ลดลง 28.12 จุด หรือ 1.78%
ณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บล.หยวนต้า กล่าวว่า หุ้นไทยวันนี้ผันผวนและปรับตัวลดลงต่อเนื่องมาจาก 3 ปัจจัยลบหลัก คือ
1. ความกังวลว่า Fed จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเร็วกว่าที่คาดการณ์ หลังจาก เจเน็ต เยลเลน รมว.คลังของสหรัฐฯ มีถ้อยแถลงเกี่ยวกับราคาสินทรัพย์ที่ปรับเพิ่มขึ้นค่อนข้างสูง ซึ่งจะกระทบกับเงินเฟ้อและจะทำให้ Fed ต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยถ้อยแถลงนี้ทำให้นักลงทุนเกิดความกังวลต่อราคาสินทรัพย์และอัตราผลตอบแทน โดยเฉพาะกลุ่มเทคฯ ของสหรัฐฯ ที่อาจต้องเผชิญกับต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้นและศักยภาพการทำกำไรที่แคบลงหากอัตราดอกเบี้ยปรับตัวเพิ่มขึ้น
2. ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทยยังพุ่งสูงขึ้น ทั้งนี้หากมองตัวเลขผู้เสียชีวิตและผู้รักษาตัวจนหายแล้ว จะเห็นว่ามีความสอดคล้องกันดีขึ้นและจะนำไปสู่แนวโน้มความสมดุลด้านการรักษา
อย่างไรก็ตาม เรื่องโควิด-19 ในประเทศได้เพิ่มอีกหนึ่งความกดดันต่อกลุ่มธนาคารพาณิชย์ เนื่องจากในช่วงบ่ายวันนี้มีกระแสข่าวเรื่องมาตรการเยียวยาผลกระทบจากโควิด-19 ระลอก3 ซึ่งจะมีการพักหนี้ด้วย โดยการพักหนี้ให้ผู้ประกอบการจะกระทบกับการตั้งสำรองของกลุ่มแบงก์ และทำให้กำไรของกลุ่มนี้ฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้
3.ปรากฏการณ์ Sell in May ซึ่งแม้จะเป็นปรากฏการณ์ที่นักลงทุนคุ้นชินแล้ว แต่ปีนี้ก็น่าจะสร้างความผันผวนต่อตลาดหุ้นทั่วโลก เนื่องจากตลาดหุ้นหลายประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นมาค่อนข้างสูงขณะที่กำไรเริ่มเติบโตไม่ทัน ทำให้นักลงทุนเลือกขายเพื่อทำกำไรก่อน
สำหรับสภาวการณ์ที่ผันผวนเช่นนี้แนะนำนักลงทุนเน้นการลงทุนระยะสั้นและหาจังหวะขายทำกำไร และหากต้องการเข้าลงทุนในจังหวะที่ราคาย่อตัวแนะนำให้เลือกหุ้นที่มีผลประกอบการฟื้นตัวอย่างโดดเด่น หุ้นที่สอดรับกับธีม Global Play เช่น ส่งออก และหุ้นที่ราคายังไม่สูงมากแต่ผลประกอบการดี
พิสูจน์อักษร: ชนเนตร ลอยครุฑ