×

ตลาดหุ้นไทยยังเสี่ยงปรับฐาน แนวรับแรก 1,500 จุด แนะหลบเข้าหุ้น Defensive

19.05.2021
  • LOADING...
ตลาดหุ้นไทย

ดัชนีหุ้นไทยในช่วงนี้เคลื่อนไหวผันผวนมาก โดยเคลื่อนไหวขึ้นลงในกรอบ 1,550-1,600 จุด หลังไร้ปัจจัยใหม่หนุน บวกกับยังมีแรงกดดันจากสถานการณ์แพร่ระบาดหนักของโควิด-19 ในประเทศรอบใหม่ (ระลอก 3) รวมถึงหุ้น DELTA ที่มีแรงซื้อเก็งกำไรเข้ามาอีกครั้ง หลังตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่แก้หลักเกณฑ์ Free Float ที่เข้ามาคำนวณในดัชนีทั้ง SET SET50 และ SET100 สร้างความผันผวนของ SET มากขึ้นไปอีก 

 

อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมต้องบอกว่า SET และตลาดหุ้นทั่วโลก มีความเสี่ยงต่อการปรับฐาน โดยมีปัจจัยกดดันหลักจากความกังวลอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ที่เร่งตัวขึ้น อันเป็นผลจาก 

 

  1. มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของไบเดน 

 

  1. ราคาวัตถุดิบต่างๆ ที่ปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงแรงซื้อเก็งกำไรในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์เป็นอีกตัวเร่งเงินเฟ้อ 

 

นอกจากนี้ภาวะเงินเฟ้อได้ทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อสำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ถึงภาวะขาดแคลนแรงงานในสหรัฐฯ ทั้งนี้ ประเด็นกังวลเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่เร่งตัวขึ้น ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปีกลับมาปรับตัวขึ้นอีกครั้ง โดยปรับขึ้นจากจุดต่ำสุดบริเวณ 1.483% ขึ้นมาเคลื่อนไหวบริเวณ 1.65% และมีแนวโน้มขึ้นไปทดสอบจุดสูงเดิมที่เคยทำไว้ที่ระดับ 1.78% สะท้อนถึงตลาดที่มองว่า อัตราเงินเฟ้อที่เร่งตัวจะทำให้ FED ต้องพิจารณาชะลอการผ่อนคลายนโยบายการเงิน หรือพิจารณาขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด ส่งผลให้ตลาดหุ้นหลักทั่วโลกเผชิญแรงขายทำกำไรหลังปรับขึ้นมาอย่างต่อเนื่องก่อนหน้านี้ ทำให้ SET ยังมีความเสี่ยงด้าน Downside โดยมีโอกาสลงไปหาบริเวณ 1,500 จุด และมีโอกาสหลุดต่ำกว่าได้เหมือนกัน 

 

หากตลาดหุ้นต่างประเทศปรับฐานลงแรง ซึ่งกรณีนี้ SET จะมีแนวรับถัดไปที่ 1,450 1,400 และ 1,350 จุด ตามลำดับ ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนแนะนำให้ลดพอร์ตก่อน และถือเงินสดมากขึ้น 

 

ส่วนพอร์ตลงทุน แนะนำรอซื้อด้วยน้ำหนักการลงทุน 25% บริเวณแนวรับ 1,500 เพื่อแต้มต่อในการลงทุนที่สูงขึ้น และเก็บกระสุนไว้ เพื่อซื้อเพิ่มตามแนวรับที่ 1,450 1,400 และ 1,350 จุด ตามลำดับ 

 

ส่วนการเข้าตลาดช่วงนี้ เน้น Selective Buy ในหุ้น Defensive & Valuation Play ได้แก่ 

 

  1. ADVANC หุ้นหลุมหลบภัยยามตลาดผันผวน ราคาหุ้นสะท้อนปัจจัยกดดันไปแล้ว แนวโน้มผลประกอบการ 2H64 คาดกำไรดีขึ้น YoY ส่วนปี 2565 คาดกำไรจะกลับมาเติบโตได้ดี 

 

  1. GULF งบ 1Q64 กําไรปกติเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ยังคงมุมมองเชิงบวกต่อผลประกอบการปีนี้ หนุนจากกำลังการผลิตใหม่และรายได้เงินปันผลจาก INTUCH คาดกำไรปีนี้โตเด่นกว่า 72%YoY 

 

  1. TU หุ้น Global Reopening คาดได้อานิสงส์จากที่หลายประเทศเตรียมเปิดเมืองอีกครั้ง ส่วน 2Q64 คาดกำไรโตทั้ง YoY และ QoQ 

 

  1. PTT ได้รับหนุนจากราคานํ้ามันที่สูงขึ้น ความต้องการนํ้ามันสําเร็จรูปและผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่ฟื้นตัวดีขึ้น และมีความผันผวนไม่มากด้านผลการดำเนินงาน จากการกระจายตัวของธุรกิจ 

 

  1. EA ได้อานิสงส์กระทรวงพลังงานแผนติดตั้งสถานีชาร์จ EV และผลักดันอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ เป้าสถานีชาร์จ 5.6 หมื่นแห่งในปี 2578 พร้อมเร่งสนับสนุนหลายทาง ขณะที่คาด 2Q64 เริ่มรับรู้รายได้จากการส่งมอบรถบัสไฟฟ้า 400 คัน และโรงงานผลิตแบตเตอรี่ลิเธียม 1GWh เริ่ม COD โดยคาดผลการดำเนินงานจะเร่งตัวดีขึ้นใน 2H64 

 

ส่วนหุ้นที่รายได้พึ่งพิงการเปิดประเทศ (Reopen) อาทิ BEM, CPN, CRC, ERW, CENTEL, ZEN, AU คงแนะนำให้ชะลอลงทุนไปก่อน จนกว่าจะเห็นจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่รายวันชะลอตัวลง เนื่องจากมีผลต่อระยะเวลากลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง



พิสูจน์อักษร: ชนเนตร ลอยครุฑ

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising