×

บรรยากาศตลาดหุ้นไทย ให้น้ำหนักปัจจัยทางการเมือง

07.07.2024
  • LOADING...

เริ่มกันตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายน ภาพการลงทุนทั่วโลกต่างก็ปรับตัวลดลง โดยตลาดหุ้นต่างประเทศเป็นการปรับขึ้นลงตามโอกาสในการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (Fed) ในขณะที่ประเทศไทยจะเป็นการปรับตัวลดลง มาจากประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการเมืองเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องยุบพรรคหรือเรื่องการถอดถอนนายกรัฐมนตรี 

 

ภาพการลงทุนในต่างประเทศมีทิศทางปรับตัวขึ้นลงตามการคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed โดยในรอบนี้มีการประมาณการว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายได้ถึง 2 ครั้ง ก่อนสิ้นปี เป็นผลมาจากตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่เริ่มส่งสัญญาณอ่อนแรงลง และอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่ปรับตัวลดลงจาก 3.4% เป็น 3.3% ทั้งหมดนี้ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ปรับลดลงและค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า หนุนให้ราคาสินทรัพย์เสี่ยงปรับตัวขึ้น อย่างไรก็ตาม ผลการประชุม FOMC ของ Fed ออกมาเป็นคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 5.50% และทำให้ประมาณการการคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้เปลี่ยนไปจากเดิมที่คาดว่าจะลดดอกเบี้ยนโยบาย 3 ครั้ง เป็นเหลือเพียง 1 ครั้ง 

 

อย่างไรก็ดี นักลงทุนส่วนใหญ่เชื่อว่าการพิจารณาในที่ประชุม FOMC ครั้งนี้ยังไม่ได้รวมทิศทางตัวเลขเงินเฟ้อล่าสุดที่ประกาศก่อนการประชุม FOMC เพียงไม่กี่ชั่วโมง ทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่ยังเชื่อว่าโอกาสในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะยังคงเป็น 2 ครั้ง ตามที่ได้มีการคาดการณ์เอาไว้ก่อนหน้านี้

 

ภาพตลาดหุ้นทั่วโลก ดัชนี MSCI ACWI ปรับตัวขึ้น 2.1% ดัชนีหุ้นในตลาดหลักปรับตัวขึ้นได้น้อยกว่าตลาดเกิดใหม่ สะท้อนจากดัชนี MSCI World ที่ปรับเพิ่มขึ้น 1.9% ขณะที่ MSCI EM ปรับขึ้นสูงถึง 3.6% แรงกดดันหลักมาจากตลาดหุ้นฝั่งยุโรปที่ปรับตัวลดลง 1.8% หลังดัชนีหุ้น FTSE ของอังกฤษ และดัชนี CAC ของฝรั่งเศส ต่างก็ปรับตัวลดลงเนื่องจากเผชิญความไม่แน่นอนทางการเมือง หลังอังกฤษและฝรั่งเศสประกาศยุบสภาและเตรียมจัดให้มีการเลือกตั้ง อีกทั้งตลาดยุโรปปรับตัวลงตามความกังวลว่าจีนอาจมีมาตรการตอบโต้หลังยุโรปประกาศเก็บภาษีนำเข้ารถ EV จากจีนเพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 38% ส่วน MSCI Asia ex Japan เพิ่มขึ้น 3.9% นำโดย TAIEX (ไต้หวัน) 8.8%, KOSPI (เกาหลีใต้) 6.1% และ SENSEX (อินเดีย) 6.9%

 

มาที่ตลาดตราสารหนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปีของสหรัฐฯ ปิดปรับตัวลง 0.12% จาก 4.87% ในเดือนพฤษภาคม มาอยู่ที่ 4.75% ในเดือนมิถุนายน และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของสหรัฐฯ ปรับตัวลง 0.10% จาก 4.50% ในเดือนพฤษภาคม มาอยู่ที่ 4.40% ในเดือนมิถุนายน ราคาทองทรงตัวที่ 2,325 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้น 5.9% เป็น 86.4 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังที่ประชุม OPEC+ มีมติขยายระยะเวลาลดกำลังการผลิตแบบสมัครใจออกไปจากเดิมที่จะสิ้นสุดในเดือนมิถุนายนนี้ ไปเป็นสิ้นเดือนกันยายน 2567

 

มาดูที่ประเทศไทย ตลาดหุ้นไทยเดือนมิถุนายน ปรับตัวลดลง 3.3% และปรับตัวลงถึง 8.1% ตั้งแต่ต้นปี ให้ผลตอบแทนต่ำกว่าดัชนีตลาดหุ้นโลก (MSCI ACWI) มากถึง 10.3% แรงกดดันหลักมาจากปัจจัยในประเทศต่อเนื่องจากปลายเดือนพฤษภาคม หลังสภาพัฒน์รายงานตัวเลข GDP ไทยไตรมาสแรกที่ขยายตัวต่ำเพียง 1.5% แต่ที่สำคัญน่าจะมาจากประเด็นทางการเมือง โดยศาลรัฐธรรมนูญมีกำหนดพิจารณาคดีการเมืองสำคัญถึง 4 คดีในระหว่างเดือนมิถุนายนคือ

  1. คดียุบพรรคก้าวไกล
  2. คดี 40 สว. ยื่นถอดถอนนายกรัฐมนตรี กรณีแต่งตั้งรัฐมนตรีผิดหลักจรรยาบรรณ
  3. คดี ทักษิณ ชินวัตร เข้าข่ายกระทำความผิดมาตรา 112
  4. คดีการได้มาซึ่ง สว. อาจขัดต่อรัฐธรรมนูญ

 

ซึ่งตลาดกังวลว่าผลการพิจารณาคดีเหล่านี้จะก่อให้เกิดความไม่แน่นอนทางการเมืองและมีผลกระทบต่อกระบวนการพิจารณาเงินงบประมาณปี 2568 และทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย 

 

อย่างไรก็ดี ช่วงปลายเดือนมิถุนายน สถานการณ์การเมืองในประเทศคลี่คลายไปได้ในระยะสั้น หลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติว่าวิธีการเลือกตั้งหรือการได้มาซึ่ง สว. ไม่ขัดกับรัฐธรรมนูญ คดีมาตรา 112 ของทักษิณ แม้อัยการสั่งฟ้องแต่ศาลให้ประกันตัวปล่อยตัวชั่วคราวในชั้นสอบสวน ด้านคดียุบพรรคก้าวไกลและคดียื่นถอดถอนนายกฯ ถูกเลื่อนพิจารณาไปช่วงต้นเดือนกรกฎาคม ส่งผลให้ดัชนีตลาดพลิกฟื้นในช่วงปลายเดือน ด้านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยอายุ 2 ปี แทบไม่มีการเปลี่ยนแปลง สิ้นเดือนอยู่ที่ 2.35% อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยอายุ 10 ปี ปรับตัวลดลง 0.11% มาอยู่ที่ 2.71% นับจากต้นปี นักลงทุนต่างชาติมีสถานะขายสุทธิ 1.17 แสนล้านบาท ในตลาดหุ้นไทย และขายสุทธิ 4.5 หมื่นล้านบาท ในตลาดตราสารหนี้

 

ในเดือนกรกฎาคมนี้ ผมมองว่า Fed มีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้ถึง 2 ครั้ง ส่วนเรื่องการเมืองในประเทศคงจะต้องรอดูความคืบหน้าและความชัดเจนทางการเมือง หากคลี่คลายก็จะทำให้บรรยากาศการลงทุนฟื้นตัวขึ้นได้ ส่วนอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลน่าจะทรงตัวไม่ต่างจากเดือนที่ผ่านมา ยกเว้นรุ่นอายุ 10 ปีขึ้นที่ยังมีแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติ

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X