วันนี้ (7 พฤษภาคม) พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เตรียมแจ้งข้อกล่าวหา สว. 60 ราย ในคดีฮั้วการเลือก สว. 2567 โดยระบุว่า เรื่องนี้ต้องแยกส่วนกัน แต่ในคณะทำงานของ กกต. มีเจ้าหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ร่วมอยู่ 7 คน ซึ่งเมื่อคณะอนุกรรมการตรวจสอบแล้วเสร็จจะส่งให้ กกต.
ทั้งนี้ หลักฐานมีทั้งในส่วนของ DSI ตรวจสอบ และบางส่วนที่ กกต. สอบเพิ่ม ซึ่งในส่วนของ DSI จะเป็นส่วนการฟอกเงินและอั้งยี่ ซึ่งทั้ง 2 คดีใช้พนักงานสอบสวนในชุดนี้ด้วย โดยมีการทำหนังสือขอให้ กกต. มาเป็นที่ปรึกษา ส่วนรายละเอียดในส่วนของ กกต. ที่จะแจ้งข้อกล่าวหา 60 คนนั้น ส่วนตัวไม่ทราบรายละเอียด ขอให้ไปสอบถามรายละเอียดจาก กกต. แต่หลักฐานส่วนใหญ่เป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ และอีกส่วนเป็นพยานบุคคล กกต. จึงอาจแจ้งข้อกล่าวหาเป็นล็อต
ส่วนจะมั่นใจในหลักฐานที่จะแจ้งข้อกล่าวหากับ สว. หรือไม่ พ.ต.อ. ทวี กล่าวว่า ขอให้ไปสอบถาม กกต. แต่ในส่วนของ DSI ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของเอกสาร และข้อมูลจากเทคโนโลยีเช่น ภาพ และเสียง รวมถึงสถานที่อยู่ ซึ่งมีอยู่ประมาณ 10 รายการ เพราะรายการแรกอาจจะบังเอิญได้ แต่รายการที่ 2 อาจจะไม่ใช่บังเอิญแล้ว และรายการที่ 3 อาจจะเป็นเรื่องของพฤติกรรม ส่วนที่เหลือทำให้เชื่อว่ามีพฤติกรรมตามที่กล่าวหา
ส่วนคดีของ DSI จะสามารถแจ้งข้อกล่าวหาได้เมื่อใดนั้น พ.ต.อ. ทวี กล่าวว่าน่าจะใกล้เคียงกัน หรืออาจจะหลังจากกระบวนการของ กกต. ไม่นาน ส่วนจะสาวถึงผู้ที่อยู่เบื้องหลังได้หรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับพยาน สาวถึงใครก็เอาหมด
สำหรับกรณีที่เมื่อวานนี้ (6 พฤษภาคม) มี สว. กล่าวเชิงท้าทายให้ DSI ออกหมายจับ และระบุว่า สว. มีศักดิ์สูงกว่า DSI นั้น พ.ต.อ. ทวี กล่าวว่า มนุษย์ทุกคนมีความเท่าเทียมกันหมด มีคุณค่า มีศักดิ์ศรี เรื่องการอำนวยความยุติธรรมเราจะใช้อคติไม่ได้ ทั้งหมดเราใช้พยานหลักฐาน
“ในทางสอบสวนเรายังเปิดโอกาส ให้ สว. ที่คิดว่าตัวเองไม่ผิดเข้ามาเป็นพยานได้ ซึ่งเราก็พบว่าในจำนวนนี้มีผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามาเป็นพยานให้กับ DSI ขณะเดียวกัน DSI ก็เป็นห่วงเรื่องของความปลอดภัย มีการคุ้มครองพยาน ซึ่งบางคนหลังจากได้ตำแหน่ง สว. เราก็มีการตรวจสอบว่าให้ใครมาเป็นผู้เชี่ยวชาญหรือผู้ช่วย เพราะเป็นเงินของรัฐบาล เราก็ตรวจสอบด้วย” พ.ต.อ. ทวี กล่าว
พ.ต.อ. ทวี ยืนยันด้วยว่า การลงพื้นที่ของ DSI ที่จังหวัดอำนาจเจริญ ไม่ได้มีการขัดขวางแต่อย่างใด ขณะที่ความสัมพันธ์ของกระทรวงยุติธรรมและกระทรวงมหาดไทยนั้น ก็ไม่ได้มีความขัดแย้งกัน แต่เนื่องจากกฎหมายเกี่ยวกับการสอบสวนคดีพิเศษในบางมาตราเพื่อเข้าไปขอหลักฐานนั้น ถ้าไม่ให้หลักฐานก็มีมาตรา 24 ว่าด้วยเรื่องโทษ
สำหรับความร่วมมือที่ผ่านมา ทางเรามีข้อบังคับในการประสานงานกับผู้ว่าราชการจังหวัดและตำรวจ ผู้ว่าฯ ถือเป็นพนักงานฝ่ายปกครอง ตำรวจมีหน้าที่สืบสวน หากทาง DSI แจ้งไปท่านคงไม่ขัดขวาง ซึ่งกรณีดังกล่าวไม่รู้ว่าอธิบดี DSI แจ้งผู้ว่าฯ หรือไม่ แต่หากผู้ว่าฯ และตำรวจมีหน้าที่แล้วไม่ทำ โดยเฉพาะเรื่องการทุจริต ก็มีความผิดตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ด้วย แต่ขณะนี้ยังไม่พบว่ามีการขัดขวาง และเมื่อวานนี้ (6 พฤษภาคม) ก็ได้มีการพูดคุยทักทายกับ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีแล้ว