วันนี้ (24 สิงหาคม) พรรคไทยสร้างไทยจัดเสวนาในหัวข้อ ‘มาตรการปั๊มหัวใจ SMEs แก้หนี้เติมทุน’ เพื่อร่วมกันระดมสมองและสรุปแนวทางในการแก้ไขปัญหา โดยเชิญวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิร่วมพูดคุย ประกอบด้วย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย, ดร.โภคิน พลกุล ประธานยุทธศาสตร์พรรคไทยสร้างไทย, ไชยวัฒน์ หาญสมวงศ์ รองหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย, สุปรีย์ ทองเพชร ประธานสภาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย, พงษ์เดช ศรีวชิรประดิษฐ์ กรรมการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และ ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพย์ โซลูชั่น จำกัด
ภาวุธชี้ให้เห็นถึงสถานการณ์และความท้าทายของผู้ประกอบการไทย ซึ่งต้องเผชิญการแข่งขันทางการค้าอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะกลยุทธ์การแข่งขันด้านราคา ส่งผลให้ผู้ประกอบการไทยทั้งออนไลน์และออฟไลน์ในปัจจุบันนั้นยากลำบากมาก ต้องช่วยกันเรียกร้องให้รัฐเร่งแก้ไขปัญหาการเข้ามาของธุรกิจจีน ซึ่งเน้นการแข่งขันด้านราคา แต่สินค้าอาจไม่ได้มาตรฐาน และเห็นว่าต้องมีการออกแบบโมเดลสำหรับการรับแจ้งปัญหาธุรกิจต่างชาติ แรงงานต่างชาติ หรือสินค้าต่างชาติ ที่ผิดกฎหมาย โดยระบบอาจคล้ายกับ Traffy Fondue เป็นเครื่องมือรับแจ้งปัญหาแบบเบ็ดเสร็จ One Stop Service
ด้านสุปรีย์มองว่า ปัญหาของ SMEs ในปัจจุบันคือการแข่งขันที่ดุเดือด มีการออกแบบผลิตภัณฑ์หรือจัดทำสินค้าที่เป็นรูปแบบเดียวกัน แต่ต้นทุนการผลิตสินค้าจากจีนนั้นต่ำกว่าของประเทศไทยมาก คนไทยจึงไม่สามารถยืนระยะหรือสู้ได้ภายใต้ข้อจำกัดของกฎหมาย ดังนั้นผู้มีอำนาจจึงต้องเร่งผลักดันกฎหมายสภา SMEs ที่คั่งค้างมานานให้แล้วเสร็จ แม้จะเป็นกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเงินซึ่งรัฐบาลเป็นผู้รับผิดชอบก็ตาม เพื่อให้สามารถจัดสรรงบประมาณได้ตรงจุด ไม่ต้องซ้ำซ้อนในหลายกระทรวง และสามารถช่วยเหลือได้อย่างตรงเป้าหมาย
พงษ์เดชมองว่า ความยากลำบากของผู้ประกอบการไทยในเวลานี้จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องปลดล็อกและแก้ไขเรื่องใบอนุญาตที่ไม่จำเป็น การแก้ปัญหาต้องทำแบบบูรณาการ One Stop Service เพื่อช่วยผู้ประกอบการและช่วยเหลือคนตัวเล็กได้อย่างเต็มศักยภาพ ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างธุรกิจให้สามารถเติบโตไปสู่เป้าหมายและความสำเร็จได้จริง
ไม่ต่างจากไชยวัฒน์ที่มองว่า ถึงเวลาแล้วที่จะต้องกำจัดอุปสรรคในการประกอบอาชีพของประชาชน โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายย่อย SMEs เรื่องการเข้าถึงแหล่งทุนผ่านการจัดตั้งกองทุนต่างๆ ซึ่งจะเป็นเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำได้
ขณะที่ ดร.โภคิน เห็นว่า การจะทำให้ SMEs ฟื้นตัว และพี่น้องประชาชนมีโอกาสทำมาหากินได้ จำเป็นจะต้องขจัดอุปสรรคสำคัญนั่นก็คือการพักหรือแขวนการบังคับใช้ใบอนุมัติ-อนุญาตกว่า 1,400 ฉบับ เพื่อให้คนไทยลุกขึ้นมาทำมาหากินได้ทันที อาทิ กฎหมายหรือข้อบังคับต่างๆ ที่เป็นการเลือกปฏิบัติ ได้แก่ กฎหมายที่ควบคุมในกลุ่มคราฟต์เบียร์
หลังการอภิปราย คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวสรุปว่า พรรคไทยสร้างไทยจะเร่งเดินหน้าช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อย SMEs และคนตัวเล็ก เป็นวาระเร่งด่วนต่อไป เบื้องต้นได้มอบหมายคณะกรรมการชุดต่างๆ เร่งขับเคลื่อนและแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด เพื่อสร้างโอกาสในการทำมาหากินอย่างยั่งยืน ไม่ใช่การแก้ไขปัญหาเพียงชั่วครั้งชั่วคราว
โดยพรรคไทยสร้างไทยจะสนับสนุนการปลดปล่อย หรือ Liberate ผู้ประกอบการ ด้วยการสนับสนุนกฎหมายสภา SMEs รวมถึงการปลดล็อกใบอนุญาต-อนุมัติกฎหมายที่ไม่จำเป็นกว่า 1,400 ฉบับ รวมถึงการ Empower ประชาชน
ด้วยการสนับสนุนให้พี่น้องประชาชนเข้าถึงแหล่งทุนไปพร้อมๆ กับการแก้หนี้เติมทุน เช่น ในรายเล็ก พรรคไทยสร้างไทยมีนโยบายกองทุนเครดิตประชาชน สามารถกู้ได้ตั้งแต่ 10,000-100,000 บาท ไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน เพื่อใช้เป็นทุนในการตั้งตัว อีกส่วนหนึ่งคือการช่วยเหลือกลุ่ม SMEs ทั้งในส่วนของสตาร์ทอัพ กลุ่มวิสาหกิจชุมชน กลุ่มการท่องเที่ยว หรือกลุ่มธุรกิจเงินร่วมลงทุน เป็นต้น โดยจะจัดตั้งกองทุนขึ้นมาเพื่อให้มีคนเหล่านี้มีลมหายใจเดินหน้าต่อไปได้