×

ค้าปลีกไทยหวั่นภาษีสหรัฐฯ ทำพิษ ดึงสินค้าจีนทะลักเข้ามาอีก แนะรัฐเร่งจัดเก็บภาษีนำเข้าตั้งแต่บาทแรก

22.04.2025
  • LOADING...
ค้าปลีกไทย

สมาคมค้าปลีก หวั่นภาษีสหรัฐฯ สร้างความปั่นป่วนเศรษฐกิจไทย ถ้าภาครัฐเจรจาไม่สำเร็จ กระทบส่งออกแน่ และผลพวงที่ตามมาการบริโภคในประเทศจะหดตัวลงไปด้วย แถมสินค้าจีนอาจทะลักเข้ามามากกว่าเดิม คาดกระทบค้าปลีกไทยโตชะลอตัวอยู่ที่ 3.4%

 

ณัฐ วงศ์พานิช ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวว่า ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา สถานการณ์เศรษฐกิจโลกปั่นป่วนจากการที่สหรัฐฯ ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากหลายๆ ประเทศรวมถึงไทยด้วย แม้ตอนนี้สหรัฐฯ จะเลื่อนการเก็บภาษีออกไป 90 วัน เพื่อเจรจาเราต้องรอดูว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป

 

ถ้าหากไทยเจรจาไม่สำเร็จ ภาคส่งออกที่มูลค่ากว่า 9 แสนล้านบาทจะได้รับผลกระทบแน่นอน จากนั้นจะเริ่มเห็นการบริโภคหดตัวลง ผู้คนในประเทศไม่มีความเชื่อมั่นจะซื้อรถหรือซื้อบ้านก็ต้องคิดหนักกว่าเดิม รวมไปถึงการท่องเที่ยวที่ขยายตัวลดลง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนที่ยังไม่กลับมา ในครึ่งปีหลังจะต้องหานักท่องเที่ยวจาก รัสเซีย สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส เยอรมนี และตะวันออกกลางมากขึ้น

 

จากความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นทั้งหมด ทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นของภาคค้าปลีกลดลง โดยอุตสาหกรรมค้าปลีกที่มีมูลค่าประมาณ 4 ล้านล้านบาท คาดว่าจะเติบโตแบบชะลอตัวอยู่ที่ 3.4% ในปี 2568 ถ้าเทียบกับปี 2566 เติบโตอยู่ที่ 5.9%

 

ส่วนปัจจัยที่ทำให้ปีนี้โตช้าเป็นเพราะมีปัญหาทางเศรษฐกิจเข้ามากดดัน การส่งออกจะลำบากขึ้นจากภาษีสหรัฐฯ จากนั้นรายได้ของชนชั้นกลางก็จะลดลง ส่วนการจับจ่ายก็จะชะลอตัวลงและต้นทุนสินค้าบางกลุ่มก็จะเพิ่มขึ้น รวมถึงการแข่งขันรุนแรงกับแพลตฟอร์มค้าปลีกต่างชาติอย่าง E-Commerce แต่ค้าปลีกยังเป็นภาคหลักๆ ที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย

 

อีกหนึ่งปัจจัยที่น่าเป็นห่วง คือ ภาษีสหรัฐฯ อาจทำให้สินค้าจีนเกิดปัญหาโอเวอร์ซัพพลายและมีโอกาสเข้ามาในไทยมากขึ้น จากเดิมแล้วสินค้าจีนนั้นทะลักเข้ามาอยู่แล้ว

 

โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ สินค้าแอ็กเซสซอรีและเครื่องหนัง ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นสินค้าต้นทุนต่ำ ไม่มีคุณภาพ ราคาถูกที่เข้ามาผ่านทางอีคอมเมิร์ซและผู้ประกอบการรายย่อยข้ามแดน แน่นอนว่ากระทบต่อผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SMEs ที่มีอยู่กว่า 3.3 ล้านราย หากสู้ไม่ไหวอาจต้องถึงขั้นปิดกิจการ

 

ขณะเดียวกันภาครัฐต้องเร่งแก้ปัญหาสินค้าจากต่างประเทศที่ล้นทะลักมาไทย เริ่มจากการนำระบบเทคโนโลยีที่มีความแม่นยำ เข้าช่วยตรวจสอบสินค้านำเข้า 100% แทนการสุ่มตรวจ และจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม VAT 7% กับสินค้าออนไลน์นำเข้าที่มีมูลค่าตั้งแต่บาทแรก

 

และควรเร่งปราบธุรกิจนอมินี ที่สวมสิทธิคนไทยเข้ามาทำร้านอาหาร ซูเปอร์มาร์เก็ต และโรงแรมศูนย์เหรียญ เพื่อป้องกันการไหลออกของเม็ดเงิน และป้องกันการสวมสิทธิการใช้ไทยเป็นฐานผลิตสินค้าส่งออกไปสหรัฐฯ

 

อีกทั้งสมาคมค้าปลีกยังได้เสนอนำร่องมาตรการ Instant Tax Refund คืนภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ให้กับนักท่องเที่ยวที่มียอดซื้อสินค้า ขั้นต่ำ 3,000 บาทขึ้นไป ต่อ 1 วันในร้านค้าเดียวกัน เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายและดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับประเทศจีนที่ได้ประกาศใช้นโยบาย Instant Tax Refund 500 หยวน หรือประมาณ 2,500 บาท นำร่องที่เมืองท่องเที่ยวอย่างเซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง กวางโจว

 

ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวต่อไปว่า สิ่งที่ผู้ประกอบการค้าปลีกไทยต้องทำคือ ไม่เพียงแค่ต้อง อยู่รอด แต่ต้องยืนหยัด และตั้งรับ รุกกลับและปรับตัว เริ่มจากการสร้างประสบการณ์ไร้รอยต่อระหว่างช่องทาง Offline และ Online

 

ควบคู่กับนำเสนอสินค้า จัดโปรโมชั่นให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ารายอย่างเฉพาะบุคคล ด้วยการใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ เพื่อบริหารจัดการสต็อกสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยเพิ่มยอดขาย ลดปริมาณสินค้าคงคลังที่ไม่สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า

 

สุดท้ายแล้วสมาคมผู้ค้าปลีกไทย ได้เป็นหนึ่งในกระบอกเสียงสำคัญที่จะผลักดันให้เกิดมาตรการปราบปรามผลกระทบสินค้านำเข้าราคาถูกและการสวมสิทธิ์นอมินีอย่างจริงจัง โดยได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาอย่างต่อเนื่อง

 

พร้อมให้การสนับสนุนเอสเอ็มอี โดยเฉพาะวิสาหกิจรายย่อย (Micro SME) ผ่านการร่วมกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เพื่อจัดสรรพื้นที่จำหน่ายภายในห้างร้านและศูนย์การค้าของสมาชิก และนำเสนอมาตรการ Easy E-Receipt ให้กลับมาใช้อีกครั้ง เพื่อช่วยปลุกมู้ดการจับจ่ายให้คึกคักอีกครั้ง

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising