วันนี้ (16 ธันวาคม) ชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการหารือกับ พริษฐ์ วัชรสินธุ สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร โดยที่ประชุมมีมติว่าพริษฐ์หารือร่วมกับประธานสภาผู้แทนราษฎรถึงการทำประชามติเพียง 2 ครั้งก็เพียงพอ พร้อมเชิญตัวแทนรัฐบาลเข้าหารือด้วย หากทำประชามติ 2 ครั้งได้ การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะเสร็จภายในรัฐบาลนี้ ตนเองจึงรับปากว่าจะไปร่วมหารือ
นอกจากนี้จะหารือกับพรรคร่วมรัฐบาลโดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย ว่าจะเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญอีกครั้งหรือไม่ หลังจากที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรเคยไม่บรรจุเข้าวาระ แต่เมื่อพริษฐ์ชวนให้รัฐบาลเสนอร่างประกบ จึงบอกว่าขอไปหารือก่อน
ส่วนการทำประชามติ 2 ครั้งจะขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่นั้น ชูศักดิ์กล่าวว่า เดิมมติ ครม. จะให้ทำประชามติ 3 ครั้ง แต่เมื่อเรื่องมาถึงขนาดนี้การทำประชามติ 3 ครั้งคงไม่ทัน จึงเกิดความคิดว่าจะทำอย่างไรให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญสำเร็จได้ภายในรัฐบาลชุดนี้
“เพราะฉะนั้นอย่าถามว่าขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ เพราะเป็นเรื่องของความเห็น อย่างไรก็ตาม ประเด็นอยู่ที่ว่าประธานสภาผู้แทนราษฎรจะบรรจุร่างหรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นก็จะนำไปสู่การทำประชามติ 2 ครั้งได้” ชูศักดิ์กล่าว
ด้านพริษฐ์กล่าวว่า หลังจากเปิดประชุมสภาเมื่อวันที่ 12 ธันวาคมที่ผ่านมา ตนเองและ สส. พรรคประชาชน เสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติม แก้ไขมาตรา 256 และหมวด 15/1 ให้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) มาจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งมี 2 ด่านที่ต้องฝ่าให้ได้ หากทั้งรัฐบาลและ ครม. ให้ความร่วมมือมากเท่าใด โอกาสที่จะประสบความสำเร็จก็จะมีมากขึ้น
“โดยด่านแรกคือทำอย่างไรให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรยอมบรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้าวาระ ซึ่งเมื่อยื่นไปอีกครั้ง โดยภายใน 15 วันหรือภายในวันที่ 27 ธันวาคม ประธานสภาผู้แทนราษฎรจะต้องมีการหารือกับผู้เสนอ และวินิจฉัยว่าจะบรรจุร่างฯ ฉบับนี้หรือไม่ หากทำได้การเดินหน้าจัดทำประชามติก็จะสามารถทำได้ ผมจึงมาขอความร่วมมือจากรัฐบาลเพื่อช่วยเหลือในด่านแรก” พริษฐ์กล่าว
พริษฐ์เผยว่า ได้หารือกับ พงศ์เทพ เทพกาญจนา ที่ปรึกษาด้านนโยบายของนายกรัฐมนตรี ซึ่งพงศ์เทพก็จะร่วมหารือในครั้งดังกล่าวด้วย และโดยส่วนตัวมองว่านอกจากร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคประชาชนแล้ว หากมีร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคเพื่อไทยหรือร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของ ครม. เข้ามาประกบก็จะทำให้มีน้ำหนักมากขึ้น ซึ่งหากผ่านด่านแรกได้แล้วก็จะเข้าสู่วาระการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร และเชื่อว่ารัฐบาลจะมีบทบาทสำคัญต่อ สส. ฝั่งรัฐบาล และ สว. เพื่อให้แนวทางดังกล่าวผ่านทั้ง 3 วาระ
ส่วนการหารือกับประธานสภาผู้แทนราษฎรจะเกิดขึ้นเมื่อใดนั้น ต้องอยู่ที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้กำหนด แต่หากไม่มีข้อติดขัดอะไรร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญก็จะถูกบรรจุทันที แต่เนื่องจากเรื่องนี้มีข้อขัดแย้ง จึงคาดว่าจะต้องมีการหารือก่อนบรรจุวาระ