วันนี้ (25 สิงหาคม) นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ในฐานะแกนนำกลุ่มไทยภักดี ได้เขียนข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กถึงความเห็นของกลุ่มไทยภักดีต่อกรณีการจัดซื้อเรือดำน้ำ โดยระบุว่าได้ฟังคำชี้แจงจากทั้งกองทัพเรือและ ส.ส. พรรคเพื่อไทยถึงความจำเป็นในการซื้อเรือดำน้ำ
ทางพรรคเพื่อไทยนำคำพิพากษาศาลฎีกามาตีความสรุปเองว่าเป็นการลงนามกับบริษัทไชน่าชิปบิวดิ้งออฟชอร์ ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ แต่ไม่ใช่รัฐบาลจีน ถือว่าเป็นการลงนามไม่ถูกต้อง โดยอิงคำพิพากษาศาลฎีกาจากคดีจำนำข้าวว่าการทำจีทูจีต้องเป็นการทำระหว่างรัฐต่อรัฐเท่านั้น
แสดงว่าเรื่องนี้ทางพรรคเพื่อไทยเข้าใจผิด เพราะการลงนามระหว่างรัฐต่อรัฐกับทางการจีนอยู่ที่ว่ารัฐบาลจีนมอบอำนาจสินค้าตัวไหนให้ใครมีอำนาจ เช่น ข้าว เขามอบให้ COFCO ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจที่มีอำนาจเต็ม เพียงแต่คดีจำนำข้าวสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ไปอุปโลกน์รัฐวิสาหกิจจีนขึ้นมาเอง ทั้งๆ ที่เขาไม่มีอำนาจ และไม่ได้ส่งออกข้าวไปจีนจริง
ส่วนการซื้อขายเรือดำน้ำก็ต้องดูว่ารัฐบาลจีนมอบอำนาจให้รัฐวิสาหกิจบริษัทไหน ซึ่งได้รับฟังคำชี้แจงจากฝั่งกองทัพเรือว่าเป็นบริษัทรัฐวิสาหกิจที่รับมอบอำนาจจากรัฐบาลจีน ซึ่งเป็นจีทูจีที่ถูกต้อง
ส่วนเหตุผลถึงความจำเป็นเพื่อความมั่นคงและดูแลผลประโยชน์ทางทะเลที่มีมากถึง 24 ล้านล้านบาท โดยมีการผ่อนชำระนาน 7 ปี ไม่ได้จ่ายครั้งเดียว 22,500 ล้านบาท และกว่าจะรับของประมาณปี 2570
ที่สำคัญกองทัพเรือได้ขอทางการจีนชะลอการจ่ายงวดปี 2563 ไปแล้ว 3,375 ล้านบาท และนำเงินส่วนนี้ส่งคืนให้รัฐบาลเพื่อช่วยโควิด-19
โดยจะเริ่มจ่ายปี 2564-2570 เฉลี่ยปีละ 2,000 กว่าถึง 3,000 กว่าล้านบาท ประกอบกับประเทศรอบบ้านไทยล้วนมีศักยภาพเรื่องเรือดำน้ำกันเกือบทั้งสิ้น
กลุ่มไทยภักดีได้พิจารณาด้วยเหตุและผลจากทั้งสองฝ่ายบนพื้นฐานความเป็นจริงและอิงผลประโยชน์ของประเทศ จึงขอสนับสนุนกองทัพเรือในการจัดซื้อเรือดำน้ำตามแผน เพื่อความมั่นคงและปกป้องผลประโยชน์ทางทะเลของชาติต่อไป
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง: