×

Digitalization กับก้าวใหม่ของระบบไฟฟ้าไทย เมื่อพลังงานหมุนเวียนเพิ่มขึ้น ความมั่นคงจึงต้องมากขึ้น

โดย THE STANDARD TEAM
08.09.2025
  • LOADING...
Digitalization

พลังงานหมุนเวียนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นแสงอาทิตย์ ลม และทรัพยากรสะอาดอื่น ๆ สิ่งเหล่านี้กำลังกลายเป็นคำตอบสำคัญในการลดคาร์บอนและเดินหน้าสู่เป้าหมาย Net Zero ของประเทศไทย แต่ปัญหาที่ซ่อนอยู่ในความก้าวหน้านี้คือความไม่แน่นอนของธรรมชาติ ดวงอาทิตย์ไม่ได้ส่องแสงตลอดทั้งวัน และลมก็ไม่พัดตามตารางเวลาเสมอไป

 

สำหรับประชาชนทั่วไป นี่คือคำถามใกล้ตัว: หากไฟฟ้าไทยต้องพึ่งพาโซลาร์และลมมากขึ้น จะกระทบกับค่าไฟหรือความมั่นคงของระบบไฟฟ้าหรือไม่? จะเกิดไฟตก ไฟดับ หรือแม้กระทั่ง Blackout บ่อยขึ้นหรือเปล่า?

 

นี่จึงเป็นที่มาของการนำ Digitalization เข้ามามีบทบาท ไม่ใช่เพียงเครื่องมือเสริม แต่เป็น “กุญแจ” ที่จะช่วยให้พลังงานหมุนเวียนจำนวนมากสามารถเข้าสู่ระบบไฟฟ้าได้อย่างมั่นคง

 

 

ความผันผวนคือความท้าทาย เมื่อพลังงานหมุนเวียนไม่ได้ผลิตไฟฟ้า 24 ชั่วโมง

 

จุดอ่อนสำคัญของพลังงานหมุนเวียนคือความไม่เสถียร ผลิตไฟฟ้าไม่ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ส่งผลให้ระบบไฟฟ้าต้องรับมือกับปริมาณพลังงานที่ขึ้นลงตลอดเวลา

 

ในร่างแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ (PDP) ฉบับใหม่ ไทยตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนกว่า 50% ของระบบในอนาคต แม้จะเป็นก้าวที่สำคัญต่อการลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล แต่ก็นำมาซึ่งความกังวลใจว่าจะกระทบต่อความมั่นคงของระบบไฟฟ้าหรือไม่

 

Digitalization คือกุญแจ ใช้ข้อมูลและเทคโนโลยีเพื่อสร้างเสถียรภาพระบบไฟฟ้า

 

Digitalization คือการนำเทคโนโลยีและข้อมูลดิจิทัลมาใช้ในการบริหารจัดการไฟฟ้า ตั้งแต่การพยากรณ์ไปจนถึงการสั่งเดินเครื่องโรงไฟฟ้า เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับระบบในภาพรวม

 

คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เล็งเห็นความสำคัญถึงความท้าทายนี้ และผลักดันให้หน่วยงานด้านไฟฟ้าเร่งปรับตัว โดยเฉพาะการใช้ ข้อมูล (Data) และ เทคโนโลยี AI เพื่อแก้ปัญหาความผันผวนและเสริมความมั่นคงให้ระบบไฟฟ้าไทย

 

ดร.พูลพัฒน์ ลีสมบัติไพบูลย์ เลขาธิการสำนักงาน กกพ. กล่าวชัดว่า “ข้อมูลพลังงานไม่ใช่เพียงข้อมูลเชิงเทคนิค แต่คือสินทรัพย์ของชาติ การบริหารจัดการและการกำหนดกติกาการใช้ข้อมูลเหล่านี้จึงจำเป็น เพื่อให้ทุกหน่วยงานมีส่วนร่วมสร้างความมั่นคงไฟฟ้าให้กับประเทศ”

 

REFC ศูนย์พยากรณ์พลังงานหมุนเวียน กับเรื่องเรดาร์ดิจิทัลที่ทำให้ระบบไฟฟ้าไทยมั่นคงขึ้น

 

หนึ่งในกรณีศึกษาที่ชัดเจนที่สุดของ Digitalization คือ ศูนย์พยากรณ์การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Forecast Center: REFC) ที่จัดตั้งโดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)

 

 

ศูนย์นี้ใช้เทคโนโลยี AI ผสานกับข้อมูลการผลิตไฟฟ้าในอดีตและการพยากรณ์อากาศ เพื่อทำนายปริมาณไฟฟ้าที่จะผลิตได้จากพลังงานแสงอาทิตย์และลมล่วงหน้า ทั้ง 10 วันและ 6 ชั่วโมง พร้อมเปรียบเทียบกับค่าจริงที่เกิดขึ้น เพื่อประเมินความแม่นยำในการพยากรณ์

 

ข้อมูลทั้งหมดถูกส่งต่อไปยัง ศูนย์ควบคุมระบบกำลังไฟฟ้าแห่งชาติ (NCC) เพื่อใช้วางแผนเดินเครื่องโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงอื่น ๆ ให้สมดุลกับปริมาณพลังงานหมุนเวียนที่ขึ้นลงตลอดเวลา

 

AI และ Data เบื้องหลัง REFC จากโรงไฟฟ้าใหญ่ถึงโซลาร์รูฟท็อปทั่วประเทศ

 

เบื้องหลังการทำงานของ REFC คือการประมวลผลข้อมูลมหาศาล ทั้งจากโรงไฟฟ้า พยากรณ์อากาศ และข้อมูลเชิงภูมิศาสตร์ AI จะหาความสัมพันธ์ของข้อมูลเหล่านี้เพื่อบอกได้ว่าในอีกไม่กี่ชั่วโมงหรือไม่กี่วันข้างหน้า ไฟฟ้าจากโซลาร์และลมจะมีปริมาณเท่าไร และควรจัดการกำลังผลิตสำรองอย่างไร

 

 

REFC ยังพัฒนาระบบจำลองที่ครอบคลุมไปถึงผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP), ขนาดเล็กมาก (VSPP) รวมถึงระดับ Solar Rooftop ที่รัฐส่งเสริม ซึ่งหมายความว่าพลังงานสะอาดจากทุกขนาดจะถูกรวมเข้ามาอยู่ในภาพรวมของการพยากรณ์อย่างครบถ้วน

 

นอกจากนี้ กฟผ. ยังเตรียม ขยายการจัดตั้งศูนย์ฯ ตามสถานีไฟฟ้าแรงสูงทั่วประเทศ เพื่อรองรับไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่จะเข้าสู่ระบบเพิ่มขึ้นกว่า 8,000 เมกะวัตต์ ในอนาคต

 

สมฤดี ทิพย์มาบุตร ผู้อำนวยการฝ่ายเทคโนโลยีระบบกำลังไฟฟ้ารูปแบบใหม่ กฟผ. ย้ำว่า “การก้าวสู่ Energy Transition ได้สมบูรณ์ เราต้องผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด ไม่ว่าจะเป็นลมหรือแสงอาทิตย์ที่ล้วนไม่แน่นอนสูง การพยากรณ์จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เราไปถึงเป้าหมายได้จริง”

 

สมฤดี ทิพย์มาบุตร ผู้อำนวยการฝ่ายเทคโนโลยีระบบกำลังไฟฟ้ารูปแบบใหม่  กฟผ.

 

ประโยชน์ที่ทุกบ้านจะสัมผัสได้ ลดเสี่ยงไฟดับ และเลี่ยงการลงทุนโครงสร้างราคาแพง

 

Digitalization และ REFC ไม่ใช่เพียงโครงการเชิงเทคนิคของวิศวกร แต่สะท้อนเป็นผลลัพธ์ที่คนไทยทุกคนสัมผัสได้โดยตรง

 

 

  • ลดความเสี่ยงไฟดับ ทำให้ระบบไฟฟ้านิ่งขึ้น แม้โซลาร์หรือแรงลมจะผันผวน
  • เลี่ยงการลงทุนโครงสร้างราคาแพง เช่น แบตเตอรี่ระบบใหญ่ที่ต้นทุนสูง หากมีข้อมูลพยากรณ์ที่แม่นยำ จะช่วยใช้ทรัพยากรเดิมได้มีประสิทธิภาพมากกว่า
  • รองรับกำลังผลิตใหม่กว่า 8,000 MW จากพลังงานหมุนเวียนที่จะเข้าสู่ระบบในอนาคต

 

กกพ. และบทบาทการกำกับและวางบรรทัดฐานใหม่เพื่อความมั่นคงของชาติ

 

ดร.พูลพัฒน์ ลีสมบัติไพบูลย์ เลขาธิการสำนักงาน กกพ. พร้อมคณะได้ลงพื้นที่เยี่ยมชมการทำงานของศูนย์พยากรณ์การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (REFC) ของ กฟผ. พร้อมชื่นชมความพยายามในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลและ AI มาช่วยจัดการความซับซ้อนของระบบไฟฟ้า ท่ามกลางการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดที่มีความผันผวนสูง

 

กกพ. มองว่าข้อมูลพลังงานควรถูกยกระดับเป็น “ข้อมูลของชาติ” ที่มีมาตรฐานและกฎเกณฑ์รองรับ เพื่อให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งรัฐและเอกชน สามารถร่วมกันดูแลความมั่นคงของระบบไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยได้กำหนด Grid Code ให้ผู้ผลิตไฟฟ้าหมุนเวียนต้องส่งข้อมูลพยากรณ์เข้าสู่ศูนย์กลาง รวมถึงออกข้อบังคับสำหรับผู้ประกอบการรายใหม่ให้เข้าร่วมระบบ REFC พร้อมสร้างแรงจูงใจทางการตลาดผ่านกลไกการซื้อขายไฟฟ้าสีเขียว

 

บทบาทเชิงกำกับเช่นนี้ไม่เพียงช่วยลดความเสี่ยงจากความไม่เสถียรของพลังงานหมุนเวียน แต่ยังวางบรรทัดฐานใหม่ให้การเปลี่ยนผ่านสู่สังคมพลังงานสะอาดเดินหน้าอย่างมั่นคง ลดโอกาสเกิดเหตุไฟฟ้าผันผวนที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และปูรากฐานให้ประเทศไทยก้าวสู่เป้าหมาย Net Zero ได้อย่างมั่นใจ

 

Net Zero ด้วย Digitalization สะพานเชื่อมพลังงานสะอาดกับความมั่นคง

 

Digitalization ไม่ใช่คำศัพท์ทางเทคนิคที่ไกลตัว แต่คือเครื่องมือสำคัญที่ทำให้พลังงานสะอาดจำนวนมากสามารถเข้าสู่ระบบไฟฟ้าได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน

 

การเดินหน้าสู่เป้าหมาย Net Zero ของไทยจึงไม่ใช่เพียงการสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเพิ่มขึ้น แต่ยังหมายถึงการลงทุนในระบบข้อมูล การพยากรณ์ และการบริหารจัดการที่ชาญฉลาด เพื่อให้ไฟฟ้าที่มาจากธรรมชาติสามารถจ่ายได้อย่างมั่นใจทุกวัน

 

Pain Point สู่ Solution ด้วย Digitalization และ AI ให้พลังงานสะอาดเติบโตได้อย่างมั่นใจ

 

ความผันผวนของพลังงานหมุนเวียนเคยเป็นข้อกังวลใหญ่ แต่ด้วยการใช้ Digitalization และ AI ผ่านศูนย์ REFC ทำให้ระบบไฟฟ้าไทยมีเครื่องมือสำคัญในการบริหารจัดการอย่างมั่นใจ

 

กกพ. ในฐานะผู้กำกับดูแล จึงเป็นฟันเฟืองหลักในการสร้างกติกาและมาตรฐานข้อมูล เพื่อให้ทุกหน่วยงานเดินไปในทิศทางเดียวกัน และทำให้ประเทศไทยสามารถเพิ่มสัดส่วนพลังงานสะอาดได้โดยไม่ลดทอนความมั่นคงไฟฟ้า สุดท้ายคือการก้าวไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำตามเป้าหมายที่ประกาศต่อประชาคมโลก

 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising