×

บริการสุดพิเศษของ ‘ตำรวจไทย’ จากประตูเครื่องบินถึงประตูโรงแรม ภาพสะท้อนกลไกที่อ่อนแอ

23.01.2023
  • LOADING...
ตำรวจไทย

HIGHLIGHTS

4 mins. read
  • จุดเริ่มต้นมาจากคลิปไวรัลนักท่องเที่ยวจีน ที่มีการนำเสนอสิทธิพิเศษที่ได้รับจากตำรวจไทย ตั้งแต่รอรับจากประตูเครื่องบิน, เปิดช่องเช็กอินพิเศษ, ขับรถเปิดไซเรนนำทาง ฯลฯ
  • ข้อมูลจากการพิสูจน์ทราบ พบว่ามีตำรวจ 3 นายในคลิปที่เกี่ยวข้อง ในเวลาต่อมามีคำสั่งให้ไปปฏิบัติหน้าที่ที่ศูนย์ปฏิบัติการฯ พร้อมขยายต่อถึงระดับผู้บังคับบัญชา
  • ธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาแถลงข่าวยืนยันว่า ทีมงานคนขับรถของตนเองไม่เกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าว พร้อมให้ตรวจพิสูจน์
  • ชูวิทย์ ออกมาเปิดเผยว่า กรณีดังกล่าวเป็นเรื่องที่มีมานาน คนจีนเหล่านี้มองเห็นเมืองไทยเป็นเมืองที่ไกลปืนเที่ยง ไม่มีกฎหมายที่แข็งแกร่ง

เมื่อวันที่ 21 มกราคมที่ผ่านมา มีการเผยแพร่และส่งต่อคลิปไวรัลจากแอปพลิเคชันออนไลน์ ความยาวคลิปประมาณ 1.59 นาที เนื้อหาภาพรวมเป็นเหตุการณ์ที่นักท่องเที่ยวสาวชาวจีนรีวิวการท่องเที่ยวในประเทศไทย แต่ความน่าสนใจของเนื้อหาคือ การได้รับสิทธิพิเศษ และการอำนวยความสะดวกที่มากกว่านักท่องเที่ยวรายอื่นๆ ซึ่งทุกขั้นตอน นักท่องเที่ยวชาวจีนรายนี้ได้เล่าถึงการใช้เงินหลักพันบาทซื้อบริการพิเศษเหล่านั้นจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ

 

ขณะที่เนื้อหาในคลิปดังกล่าว มีคำบรรยายระบุว่า “ตำรวจไทย ใช้เงินซื้อได้ทุกอย่างตามคำร่ำลือจริงหรือไม่ สุดขำ มีตำรวจไปรับถึงประตูเครื่องบิน เดินนำทาง ยกกระเป๋า เปิดประตูรถให้ ขับรถนำเปิดไฟฉุกเฉินไซเรน จักรยานยนต์ 6,000 รถเก๋ง 7,000 แป๊บเดียว ถึงที่พัก สะดวกสมคำร่ำลือจริงๆ”

 

นักท่องเที่ยวชาวจีนในคลิปดังกล่าว ยังได้ระบุถึงรายละเอียดของบริการพิเศษ ตั้งแต่ 

  • มีเจ้าหน้าที่มาถือป้ายชื่อรอหลังลงจากเครื่องบิน
  • เปิดช่องทางด่วนในการทำเอกสารเข้าประเทศ (ใช้เวลาทำเอกสาร 5 นาที)
  • รับกระเป๋าที่โหลดมาใต้เครื่องบินโดยไม่ต้องรอคิว
  • ตำรวจเปิดประตูรถให้เข้าไปนั่ง
  • มีน้ำเปล่าบริการ 1 ขวด
  • ตลอดทางมีรถจักรยานยนต์ของเจ้าหน้าที่ช่วยเคลียร์เส้นทางให้ เพื่อหลีกเลี่ยงการจราจร (ใช้เวลาเดินทางถึงจังหวัดชลบุรี 1 ชั่วโมง)
  • ถ่ายภาพคู่เจ้าหน้าที่ที่มาส่ง 
  • ทั้งนี้ ระหว่างการรับบริการได้ให้เงินพิเศษเจ้าหน้าที่ไป 200 บาท

 

สิทธิพิเศษและการนำขบวน ล้วนมีกรอบของกฎหมาย มีเงื่อนไขกำหนดผู้ที่ได้รับ

 

พล.ต.ต. อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงประเด็นการอนุญาตและไม่อนุญาตจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 21 มกราคม ว่า 

 

  1. การอำนวยความสะดวกในขั้นตอนของตรวจคนเข้าเมือง ไม่สามารถดำเนินการได้ 

 

  1. การนำขบวนเมื่ออ้างอิงตามกฎหมายจราจร และมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตามหนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ด่วนที่สุด ที่ นร 0205/ว189 ลงวันที่ 2 ตุลาคม 2545 แจ้งมติ ครม. เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2544 

 

“เห็นชอบหลักเกณฑ์การใช้รถนำขบวนของตำรวจบุคคลสำคัญหรือนักการเมือง หรือการใช้รถนำขบวนรับรองแขกต่างประเทศในการเยือนประเทศไทยไว้ชัดเจน ส่วนกรณีอื่นทั่วๆ ไป จะมีการนำขบวนได้นั้น ในเขตกรุงเทพมหานคร (กทม.) ให้ผู้บังคับการตำรวจจราจร (ผบก.จร.) เป็นผู้มีอำนาจพิจารณาอนุญาต นอกเขต กทม. ให้ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง (ผบก.ทล.) เป็นผู้มีอำนาจพิจารณาอนุญาต 

 

โดยต้องพิจารณาถึงความจำเป็นที่ต้องใช้รถตำรวจนำขบวน เพื่อความปลอดภัยของขบวน หรือความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนนตามความจำเป็นแก่กรณี เช่น รถนักเรียน ขบวนรถซึ่งเดินทางไปประกอบศาสนกิจหรือพิธีการต่างๆ หรือเป็นกรณีมีความจำเป็นเร่งด่วนของบุคคลผู้มีตำแหน่งหน้าที่ต่างๆ ในทางราชการ เพื่อเดินทางไปปฏิบัติภารกิจสำคัญของทางราชการ เท่านั้น”

  

ไม่ต้องรอข้ามคืน รู้ได้ว่าเกิดอะไร ใครที่อยู่ในคลิป พร้อมคำสั่งเด้งเข้ากรุทันที

 

สำหรับเหตุการณ์ในคลิป เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันที่ 19 มกราคมที่ผ่านมา เวลาประมาณ 22.00 น. ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สายการบิน Hong Kong Airlines เที่ยวบินที่ HX671 เดินทางเข้าประเทศไทย

 

จากการตรวจสอบในวันดังกล่าว กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวยืนยันว่า ไม่มีการสั่งการใดๆ ให้ตำรวจท่องเที่ยว ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวรายใดเป็นกรณีพิเศษ 

 

ต่อมาในช่วงค่ำของวันที่ 21 มกราคม หลังจากที่ พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งการด่วนให้จเรตำรวจตรวจสอบ จนพิสูจน์ทราบแล้วว่า บุคคลที่ปรากฏในคลิปเป็นตำรวจจริง 3 นาย ประกอบด้วย

 

  • ตำรวจท่องเที่ยว 1 ราย คือ ร.ต.อ. สมพล ภิญโญสโมสร ตำแหน่งรองสารวัตร กองกำกับการ 3 (รับผิดชอบสนามบินสุวรรณภูมิ) สังกัดกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 1 
  • ตำรวจกองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) 2 นาย คือ ส.ต.อ. ธนกร นุกูลธนกิจ และ ส.ต.อ. ธนวัฒน์ สิมะขจรบุญ 

 

ในส่วนของตำรวจท่องเที่ยว ถูกตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามสั่งการแล้ว ตามหนังสือ บก.ทท.1 เลขที่ 0038.201/255 ลงวันที่ 21 มกราคม 2566

 

ตำรวจ บก.จร. ทั้ง 2 นาย มีการออกคำสั่งตั้งสืบสวนข้อเท็จจริง พร้อมกับออกคำสั่งให้มาปฏิบัติหน้าที่ที่ศูนย์ปฏิบัติการกองบังคับการตำรวจจราจร (ศปก.บก.จร.) และสั่งตรวจสอบข้อเท็จจริงไปถึงผู้กำกับการ รองผู้กำกับการ และสารวัตรที่ควบคุมกำกับตำรวจ 2 นายนี้

 

จากนี้ขั้นตอนการสืบสวนจะมุ่งว่ามีการทำเป็นขบวนการหรือไม่ และทำมาเป็นระยะเวลานานเท่าใด

 

คนผิด รถผิด การสาวต่อครั้งแรกถึง ‘รัฐมนตรี’ ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

 

ต่อมาวันที่ 22 มกราคม ที่กองบังคับการตำรวจจราจร พบรถจักรยานยนต์ที่ปรากฏในคลิปไวรัลจอดอยู่ เป็นรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่น เอ็มที-09 เทรเซอร์ สีขาว หมายเลขทะเบียน 1 ขภ 85 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นรถส่วนบุคคล ไม่มีตราสัญลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือกองบังคับการตำรวจจราจร รวมทั้งป้ายทะเบียนเป็นป้ายของรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล แต่มีการตกแต่งโดยติดสัญญาณไซเรนและไฟวับวาบไว้ที่รถ

 

ในเวลาต่อมา พล.ต.ต. อภิชาติ สุริบุญญา รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ในฐานะโฆษกตำรวจท่องเที่ยว ให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า รถที่ใช้เป็นรถส่วนตัว ไม่ใช่รถของทางราชการ ไม่ถือเป็นความผิดทางอาญา แต่มีความผิดทางวินัย เพราะเป็นความประพฤติไม่เหมาะสม เนื่องจากตำรวจท่องเที่ยวต้องดูแลและอำนวยความสะดวกกับนักท่องเที่ยวทุกคนในภาพรวม ไม่ใช่บุคคลใดบุคคลหนึ่งเป็นพิเศษ และในวันดังกล่าวไม่มีคำสั่งจากหน่วยงานให้ไปอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวแต่อย่างใด แต่จากพฤติกรรมทำให้เชื่อว่าเป็นการรับงานพิเศษในการอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว

 

ต่อมาช่วงบ่ายวันเดียวกันได้มีกระแสข่าวว่า ตำรวจท่องเที่ยวที่อยู่ในคลิปได้รับการประสานจากคนขับรถของรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ไปขับรถนำขบวนและอำนวยความสะดวกกับนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ 

 

“เด็ดขาดกับการทุจริต มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์”

 

วันนี้ (23 มกราคม) ธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมายืนยันกรณีกระแสข่าวเรื่องคนขับรถเข้าไปเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ว่า ไม่ใช่ตัวเองอย่างแน่นอน เพราะยึดแนวทางการทำงานเหมือนกับ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ให้เด็ดขาดกับการทุจริต มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ 

 

ธนกรยังระบุอีกว่า ได้สอบถามคนขับรถ รวมถึงหน้าห้องทุกคนแล้ว ได้รับคำตอบยืนยันว่า ไม่มีใครไปดำเนินการเรื่องดังกล่าวอย่างแน่นอน หากยังมีข้อสงสัยก็พร้อมชี้แจง และยินดีให้ความร่วมมือในการตรวจสอบ

 

“เรื่องนี้มีมานานแล้ว คนจีนต่างๆ เหล่านี้เห็นเมืองไทยใช้เงินซื้อได้ทุกอย่าง”

 

ล่าสุดวันนี้ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อเรื่องที่เกิดขึ้นว่า เรื่องนี้มีมานานแล้ว คนจีนต่างๆ เหล่านี้เห็นเมืองไทยใช้เงินซื้อได้ทุกอย่าง แต่กรณีนี้มีการถ่ายคลิปลงสื่อโซเชียล การเข้า-ออกประเทศโดยไม่ต้องแสดงหน้าตาที่เคาน์เตอร์ มีกระบวนการหลายอย่าง ในสมัยก่อนกระเป๋าก็ยังไม่ต้องตรวจ ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองก็จ่ายเงินให้เขาพาออกไปได้ ไม่ต้องตรวจอะไร 

 

ต่อมาให้ใช้รถนำขบวนให้ดูยิ่งใหญ่เป็น VIP พวกคนจีนเหล่านี้มองเห็นเมืองไทยเป็นเมืองที่ไกลปืนเที่ยง ไม่มีกฎหมายที่แข็งแกร่ง เจ้าหน้าที่รัฐของเราเป็นเสียเอง ทำให้คนเขาหัวเราะ ทำให้ต่างชาติเขาเยาะเย้ย 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising