สื่อนอกตีข่าวคดีผู้กำกับโจ้ เผยตำรวจไทยถูกจับหลังคลิปแฉคลุมถุงสังหารผู้ต้องหา ด้าน AP ชี้การใช้ความรุนแรงและทุจริตของตำรวจ ‘ไม่ใช่เรื่องที่พบได้ยากในไทย’

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานข่าวการจับกุมและติดตามล่าตัวกลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ร่วมก่อเหตุใช้ถุงพลาสติกคลุมศีรษะผู้ต้องหาคดีค้ายาเสพติดจนเสียชีวิตที่ สภ.เมืองนครสวรรค์ หลังปรากฏคลิปวิดีโอแสดงให้เห็นวินาทีลงมือก่อเหตุ โดยมี พ.ต.อ. ธิติสรรค์ อุทธนผล ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ หรือ ผู้กำกับโจ้ เป็นผู้บงการและลงมือเอง

โดยเมื่อวานนี้ (25 สิงหาคม) หลายสำนักข่าวระดับโลก ทั้ง BBC, AP, Bloomberg และ Washington Post ต่างรายงานข่าวการจับกุมและติดตามตัวตำรวจไทยที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ ซึ่งกลายเป็นข่าวดัง หลังคลิปวิดีโอวินาทีสังหารถูกเผยแพร่ลงในโซเชียลมีเดีย จนสร้างความไม่พอใจอย่างมากแก่สาธารณชน

ซึ่งล่าสุดทางการไทยสามารถจับกุมตำรวจที่เกี่ยวข้องได้แล้ว 5 นาย และกำลังเร่งติดตามตัวตำรวจอีก 2 นาย รวมผู้กำกับโจ้ที่ยังอยู่ระหว่างหลบหนี

สำหรับ ผู้กำกับโจ้ นั้นเป็นที่รู้จักในฉายา ‘โจ้ เฟอร์รารี’ จากการสะสมรถสปอร์ตราคาแพงหลายคัน โดย AP ชี้ว่า ข้อกล่าวหาเรื่องการใช้ความรุนแรงและการทุจริตของตำรวจนั้นไม่ใช่เรื่องที่พบเห็นได้ยากในประเทศไทย

สำหรับคลิปวิดีโอที่รั่วไหลออกมา แสดงให้เห็นภาพผู้ต้องหาค้ายาเสพติดกำลังหายใจไม่ออก หลังถูกผู้กำกับโจ้และกลุ่มตำรวจใน สภ.เมืองนครสวรรค์ ใช้ถุงพลาสติกคลุมศีรษะเพื่อพยายามกรรโชกหรือสอบสวนตามที่มีผู้ให้ข้อมูล

ซึ่ง AP รายงานว่า สาเหตุที่ตำรวจไทยเริ่มต้นการสืบสวนในคดีนี้ หลังทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ ได้เผยแพร่เรื่องราวลงใน Facebook โดยระบุว่า ได้รับการร้องทุกข์จากตำรวจชั้นผู้น้อยในจังหวัดนครสวรรค์ ที่เผยเรื่องราวการจับกุม 2 ผู้ต้องหาค้ายาเสพติด โดยมียาบ้าหรือ เมทแอมเฟตามีนกว่า 100,000 เม็ด ซึ่งตำรวจผู้ร้องอ้างว่า ในตอนแรกตำรวจชุดจับกุมมีการเรียกเงินจากผู้ต้องหา 1 ล้านบาท และผู้ต้องหาพร้อมจ่ายเพื่อแลกกับการปล่อยตัว แต่ผู้กำกับโจ้นั้นต้องการเงินเพิ่มเป็น 2 ล้าน และสั่งการให้นายตำรวจคนอื่นๆ ช่วยเอาถุงพลาสติกคลุมศีรษะและทำร้ายจนกว่าเขาจะยินยอม

ขณะที่ก่อนหน้านี้ไม่นาน ตำรวจไทยยังตกเป็นเป้าวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงเกี่ยวกับการใช้กำลังในการระงับเหตุประท้วงต่อต้านรัฐบาลในกรุงเทพฯ ซึ่งในขณะที่ผู้ประท้วงบางคนใช้ยุทธวิธีที่รุนแรง ฝ่ายตำรวจถูกกล่าวหาว่ากระทำการตอบโต้มากเกินไปและใช้วิธีการที่เป็นอันตรายในการควบคุมฝูงชน ซึ่งรวมถึงการยิงกระสุนยางในระยะใกล้

ด้าน สุนัย ผาสุก นักวิจัยอาวุโสขององค์กรสิทธิมนุษยชน Human Rights Watch ให้สัมภาษณ์ต่อ AP โดยมองการกระทำของผู้กำกับโจ้และตำรวจที่ก่อเหตุในคดีนี้ว่าไม่ใช่คดีแรก และไม่น่าจะเป็นคดีสุดท้าย

“คดีทรมานและฆาตกรรมของตำรวจนี้น่าตกใจ แต่นี่ไม่ใช่คดีแรก และไม่น่าจะเป็นคดีสุดท้าย จนกว่าตำรวจจะสืบสวนและสอบสวนอย่างจริงจัง และพยายามในทุกวิถีทางที่ทำได้” สุนัย กล่าว

ทั้งนี้ AP ยังระบุว่า การทุจริตขนาดเล็ก เช่น การเรียกรับสินบนจากผู้ขับขี่รถยนต์นั้นไม่ใช่เรื่องที่พบได้ยากในหมู่เจ้าหน้าที่ตำรวจไทยที่มีรายได้น้อย และบางคนก็มีชื่อเสียงในเรื่องการทุบตีผู้ต้องสงสัยเพื่อให้รับสารภาพ

แต่บางครั้งก็เกิดการทุจริตในระดับสูง เช่น คดีที่เป็นที่รู้จักอย่างคดีเพชรซาอุ หรือ Blue Diamond Affair ที่กลุ่มแรงงานไทยก่อเหตุขโมยชุดเครื่องประดับจากวังของเจ้าชายซาอุดีอาระเบีย โดยคดีนี้ทำให้ตำรวจไทยตกเป็นเป้าวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากจากการที่เพชรจำนวนมากนั้นไม่สามารถติดตามคืนมาได้ และมีตำรวจระดับผู้บัญชาการถูกตั้งข้อหาในคดีอุ้มฆ่าพยานในคดี

ขณะที่ สุนัย ยังกล่าวว่า ตำรวจไทยมักกระทำการโดยไม่ต้องรับโทษและปกป้องซึ่งกันและกัน พร้อมทั้งชี้ว่า “สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องส่วนตัว แต่เป็นระบบการทุจริต ที่อนุญาตให้มีการกระทำไม่เหมาะสม”

อ้างอิง: