วันนี้ (20 พฤษภาคม) ตามเวลาท้องถิ่นของกรุงโรม สาธารณรัฐอิตาลี ซึ่งช้ากว่าประเทศไทย 5 ชั่วโมง เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นักวิชาการบางคนออกมาแสดงความข้องใจ 40 วุฒิสมาชิก ซึ่งอยู่ระหว่างรักษาการในหน้าที่ออกมาตรวจสอบนายกรัฐมนตรี เหมือนเป็นการรุกไล่รัฐบาลและอาจเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง ส่งผลกระทบต่อเก้าอี้นายกรัฐมนตรีว่า ตนคงไม่ไปก้าวล่วงศาลรัฐธรรมนูญ วันก่อนผู้ร้องได้มีการยื่นเรื่องผ่านแผนกธุรการซึ่งได้มีการรับแล้ว ขั้นตอนต่อไปศาลรัฐธรรมนูญก็จะต้องมีการพิจารณาว่าจะรับหรือไม่รับ ตรงนี้ก็ต้องให้เกียรติกับทางศาลด้วยเช่นกัน และตนก็มีหน้าที่ในการชี้แจงให้ครบถ้วนและเหมาะสมให้ถูกต้อง เป็นไปตามข้อเท็จจริงต่อไปเท่านั้นเอง
เศรษฐากล่าวว่า ถ้าถามว่ากังวลหรือไม่ ก็ต้องตอบว่ากังวลทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของรัฐบาล หรือเกี่ยวข้องกับความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน
เมื่อถามว่านาทีนี้นายกรัฐมนตรีมั่นใจว่าการแต่งตั้ง พิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ถูกต้องตามกฎหมายและเป็นไปตามที่คณะกรรมการกฤษฎีกาแนะนำใช่หรือไม่ เศรษฐากล่าวว่า “ครับ ผมมั่นใจ คิดว่าทำถูกต้องด้วยความบริสุทธิ์ใจครับ”
เมื่อถามว่าจะทำให้เสียสมาธิหรือไม่ โดยเฉพาะยังอยู่ระหว่างเดินสายปฏิบัติภารกิจที่ต่างประเทศ เศรษฐากล่าวปฏิเสธว่าไม่มีเลย ไม่เสียสมาธิ เพราะตนมีทีมงานและเราก็มั่นใจในความบริสุทธิ์ของเรา แต่ไม่อยากจะพูดอะไรเยอะ เพราะแต่ละคนก็มีหน้าที่ของแต่ละคน ศาลรัฐธรรมนูญเองก็มีหน้าที่ต้องพิจารณาให้เหมาะสม และเชื่อว่าข้อมูลต่างๆ ศาลรัฐธรรมนูญได้รับทั้งฝ่ายที่ร้องเรียนและฝ่ายของตนเองที่จะต้องชี้แจง
“ไม่เสียสมาธิหรอกครับ มาถึงตำแหน่งนี้แล้ว อยู่ในตำแหน่งนี้ ดูแลตรงนี้ แม้มีเรื่องกวนใจเยอะก็ต้องแยกแยะให้ถูก และต้องแบ่งเวลาให้เป็น ไม่เช่นนั้นก็อย่าเข้ามาดีกว่า”
เศรษฐากล่าวด้วยว่า เรามีหน้าที่ที่จะต้องทำ เช่น เช้าวันนี้จะต้องทำเรื่องแบงก์ บ่ายทำเรื่อง F1 ต้องพยายามที่จะขายฝันให้ต่างชาติเห็น และเขาเองก็ต้องขายฝันให้เราเห็น ต้องมีการต่อรองตามเวอร์ชันต่างๆ ไม่อยากให้เรื่องเหล่านี้ที่ไม่อยากพูดว่าไม่สำคัญ แต่เป็นแค่เรื่องเล็กน้อยมากวนจิตใจ สมาธิมันก็เสีย แล้วก็ต้องโฟกัส 4-5 เรื่อง ก็ต้องทำการบ้านว่าเขาต้องการอะไรบ้าง มีมุมไหนที่เราสามารถทำได้เลยในสิ่งที่จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ
เมื่อถามว่า แสดงว่ายังมีฝันอีกเยอะที่จะทำให้กับประชาชน เศรษฐากล่าวว่า เชื่อว่าตนกำลังแบกความหวังของพี่น้องประชาชนทั้งประเทศไว้ เราจะปล่อยให้มีเรื่องอะไรมาทำความรำคาญใจเราไม่ได้ แต่อีกมุมหนึ่งเราต้องให้ความเคารพกับการตรวจสอบ ถือเป็นเรื่องธรรมดายืนอยู่ตรงนี้ก็จะทำให้ดีที่สุด และยืนยันว่ามีกำลังใจ มีแรงบันดาลใจ
เมื่อถามว่ามีรายงานอีกกระแสหนึ่งว่า หากศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่องไว้พิจารณาอาจต้องหยุดการปฏิบัติหน้าที่ในวันที่ 23 พฤษภาคมนี้ เศรษฐากล่าวว่า “ถ้าเกิดตนเข้าใจถูก หากศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่องไว้พิจารณายังไม่ต้องหยุดการปฏิบัติหน้าที่ ศาลรัฐธรรมนูญต้องนำเรื่องไปพิจารณาก่อนว่าจะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ แต่วันนี้ไม่อยากจะไปก้าวล่วงอะไรทั้งสิ้น ก็ว่ากันไปตามขั้นตอน”
เมิน ‘เต้ มงคลกิตติ์’ หลังบอกโครงการรัฐบาลมีช่องโหว่
ส่วนกรณีที่ เต้-มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ บอกว่าไม่มีใครอยากเข้าร่วมงานกับรัฐบาล เนื่องจากมีหลายโครงการส่อเค้าผิดกฎหมาย โดยเฉพาะโครงการดิจิทัลวอลเล็ตว่า ฟังแล้วรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ การที่คนมีหน้ามีตา เคยเป็นอดีต สส. แล้วมาพูดถึงเรื่องการทุจริตและพูดไม่ชัดว่าเป็นเรื่องอะไร ส่วนตัวพร้อมที่จะพิสูจน์ หากมีหลักฐานพร้อมที่จะให้การตรวจสอบ หรือจะดำเนินการกับหน่วยงานหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการทุจริต ดังนั้นอยากทำงานด้วยกันหรือไม่อยากทำงานด้วยกันก็เป็นสิทธิ์ของแต่ละคน
“ผมในฐานะเป็นนายกรัฐมนตรีก็อยากทำงานร่วมกับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของฝ่ายค้าน ฝ่ายนิติบัญญัติ หรือฝ่ายบริหาร ก็อยากให้ทำงานด้วยกันแบบสร้างสรรค์ ถ้ามีเรื่องที่เราทำไม่ถูกก็บอกมา ถ้ามีหลักฐานก็เอามาบอก ก็คงไม่อยากจะกล่าวอะไรไปมากกว่านี้” เศรษฐากล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่มงคลกิตติ์เพิ่งจะเข้ามาอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ และออกมาพูดแบบนี้มองว่ามีผู้ใหญ่สนับสนุนอยู่เบื้องหลังหรือไม่ เศรษฐากล่าวว่า “ไม่ขอคอมเมนต์และไม่ทราบจริงๆ ผมยินดีที่จะทำงานร่วมกับทุกพรรค วันก่อนผมลงไปในพื้นที่ภาคใต้ สส. พรรคประชาธิปัตย์ก็มาต้อนรับ ความจริงแล้วเราเอาประชาชนเป็นที่ตั้งดีกว่า ส่วนเรื่องที่ว่าใครจะเป็นรัฐบาล ใครจะเป็นฝ่ายค้าน เชื่อว่าทุกคนมีหน้าที่ทำงานเพื่อประชาชนในบทบาทที่แตกต่างกันไป คิดว่าตรงนี้เป็นเรื่องที่เราควรให้ความสำคัญมากกว่า
ส่วนที่ท่านจะเพิ่งเข้ามาหรือจะมีใครอยู่เบื้องหลังหรือไม่ ก็ขอให้เป็นเรื่องของท่านไป แต่ผมสนใจเรื่องของความกระจ่าง หรือทำให้พี่น้องประชาชนไม่มีความเข้าใจผิดก็ยินดีให้ตรวจสอบ“ เศรษฐากล่าว