(7 ก.ย.) พิเชษฐ สถิรชวาล เปิดใจกับ THE STANDARD ถึงกระแสข่าวการแยกทางกับพรรคร่วมรัฐบาล เหตุไม่พอใจที่ไม่ได้เก้าอี้ประธานกรรมาธิการว่า วันนั้น ชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้เรียกหัวหน้าพรรคการเมืองทุกพรรคที่มี ส.ส. ในสภาเข้าร่วมประชุมเพื่อจัดสัดส่วนว่าพรรคใดจะได้กรรมาธิการกี่คน โดยการเชิญมาทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องของฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งโดยข้อเท็จจริงพรรคเล็กรวมตัวเป็นกลุ่ม 10 พรรคการเมืองกันมานานแล้ว ตนก็มองว่าตามจำนวน ส.ส. น่าจะได้ประธานกรรมาธิการ 1 คณะ
“พวกเราก็เอาหนังสือที่ 10 พรรคได้ร่วมกันลงนามให้ท่านชวนพิจารณา จากนั้นท่านชวนก็ให้เจ้าหน้าที่สภามาชี้แจง เจ้าหน้าที่สภาชี้แจงว่ารัฐธรรมนูญมาตรา 129 วรรค 8 ไม่ให้มีการรวมตัวแบบนี้ จากนั้นคุณสัมพันธ์ พรรคพลังพลเมืองไทย ได้ขอให้มีการพิจารณาจากการคำนวณสัดส่วน เมื่อคำนวณออกมา พรรคใหญ่ได้เป็นประธานกรรมาธิการ แล้วมีเศษส่วนเหลือตั้ง 25 คน นำส่วนที่เหลือบวกกับท่านประธานและรองประธานจะได้จำนวนรวม 28 คน เราก็บอกว่าขอให้พรรคเล็กได้ไหม เพราะสังคมรู้แล้วว่าเรารวมตัวกัน สภาก็รู้ เมื่อไม่ได้ ผมก็มองว่าการทำงานแบบรวมตัวกันมันไม่เกิดประโยชน์ จึงขอแยกห้อง ไม่อยู่ร่วมกับ 10 พรรค”
พิเชษฐกล่าวอีกว่าเมื่อได้แสดงความต้องการดังกล่าว ประธานสภาก็รับปากว่าจะให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามความต้องการ เวลาต่อมาเมื่อ มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ทราบว่าพรรคประชาธรรมไทยขอแยกห้อง จึงขอมาอยู่ด้วยกัน
“วันจันทร์นี้ (9 ก.ย.) คุณมงคลกิตติ์จะไปขอให้ทางสภาตั้งตู้ ปณ. เพื่อรับเรื่องร้องเรียนต่างๆ ในการทำงานให้ประชาชน โดยเฉพาะโครงการใหญ่ ส่วนตัวที่เน้นคือด้านอุตสาหกรรม โดยเฉพาะการออกใบอนุญาตโรงน้ำตาลใหญ่ 11 โรงงานให้ไปก่อสร้างในพื้นที่สีเขียว และอีก 12 โรงงานมีการก่อสร้างอาคารสูงซึ่งผิดแบบ คำถามก็คือใบอนุญาตแบบนี้ออกมาได้อย่างไร
“ผมยืนยันว่าผมไม่ใช่ฝ่ายค้านอิสระในฝั่งรัฐบาล แต่นี่คือการทำหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติโดยแท้ เป็นการทำงานตรวจสอบฝ่ายบริหารโดยใช้กลไกรัฐสภา ทำเพื่อประชาชน ไม่ได้ต้องการตำแหน่ง และไม่เกี่ยวกับการร่วมงานรัฐบาล ย้ำว่าเป็นเรื่องของ ส.ส. ในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติ จึงขอใช้สิทธิในการทำงานเพื่อประเทศชาติเช่นนี้ครับ”
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์