วันนี้ (17 กรกฎาคม) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 4 สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 1 ที่มี พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 เป็นประธานการประชุม วาระพิจารณารับทราบรายงาน เมื่อเวลา 15.07 น. เฉลิมพงศ์ แสงดี สส.ภูเก็ต พรรคประชาชน กล่าวว่า เห็นสมาชิกในห้องประชุมบางตา จึงขอเสนอให้นับองค์ประชุมเพื่อเช็กความตั้งใจทำงานของสมาชิก ทำให้ พิเชษฐ์แซวว่า ไม่อยากอภิปรายแล้วหรือ
อย่างไรก็ตาม ประธานในที่ประชุมได้รอให้สมาชิกทยอยเข้าห้องประชุมอยู่พักใหญ่ เนื่องจากมี สส. หลายคนกำลังร่วมประชุมกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569
ทำให้ วัชระพล ขาวขำ สส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย เสนอให้นับองค์ประชุมแบบขานชื่อเป็นรายบุคคล จะได้ทราบว่า สส. ท่านใด จังหวัดไหน มาทำงานบ้าง
ต่อมา ครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นกล่าวเป็นข้อสังเกตว่า เหตุใด สส.พรรคประชาชนต้องขอนับองค์ประชุม จึงขอถามประธานว่า หลักเกณฑ์ในการนับองค์ประชุมคืออะไร ไม่เช่นนั้นก็จะมีให้นับอยู่เรื่อยๆ
ขณะที่ ธีระชัย แสนแก้ว สส. อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นระบุว่า การนับองค์ประชุมเช่นนี้ทำให้หน่วยงานและข้าราชการที่มาชี้แจงจากต่างจังหวัดเสียเวลาที่จะได้ชี้แจงต่อกรรมาธิการฯ ต่าง พร้อมบอกว่า ฝ่ายค้านไม่สร้างสรรค์
พิเชษฐ์ระบุว่า ต้องให้มีการแสดงตนเป็นเบื้องต้นก่อนว่าครบองค์ประชุมหรือไม่ แล้วจึงค่อยลงมติว่าจะใช้วิธีการนับองค์ประชุมแบบเสียบบัตรหรือแบบขานชื่อ
ทำให้ จุลพันธุ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะ สส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย แย้งว่า ตามข้อบังคับการประชุม ประธานสามารถกำหนดวิธีนับองค์ประชุมเองได้
พิเชษฐ์จึงกล่าวว่า เราก็อะลุ่มอล่วย และพยายามไม่ให้ขัดแย้งกันมาก ตอนนี้ถ้านับแบบขานชื่อ บางจังหวัดที่มาชี้แจงจะต้องนอนค้างอีก 1 คืน เพราะจะใช้เวลานานมาก ดังนั้น ขอให้กรรมาธิการงบประมาณฯ รวมถึงอนุกรรมาธิการ ได้กลับไปประชุม ตอบข้อซักถาม และคุยกับผู้มาชี้แจง ก่อนจะสั่งปิดการประชุมทันทีในเวลา 15.29 น.