วานนี้ (8 ธันวาคม) สถาบันพระปกเกล้า โดยสํานักนวัตกรรมประชาธิปไตยเพื่อความยั่งยืน และวิทยาลัยการเมืองการปกครอง ร่วมกับศูนย์ศึกษาการต่างประเทศ (International Studies Center: ISC) กระทรวงการต่างประเทศ และรัฐสภา จัดพิธีมอบ ‘ระเบียบว่าด้วยคณะกรรมการที่ปรึกษาของรัฐสภาไทยในด้านการเข้าเป็นสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา ปี 2568’ (ระเบียบ คปร.-OECD) แก่องค์การ OECD ณ อาคารรัฐสภา กรุงเทพฯ
การมอบระเบียบฯ ครั้งนี้ถือเป็นการแสดงเจตจํานงทางการเมืองของรัฐสภาไทยอย่างชัดเจนว่าพร้อมสนับสนุนกระบวนการเข้าสู่การเป็นสมาชิก OECD ในเชิงสถาบันและเชิงกฎหมาย โดยมี มงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา, พลเอกเกรียง ไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภาคนที่หนึ่ง, บุญส่ง น้อยโสภณ รองประธานวุฒิสภาคนที่สอง และรองศาสตราจารย์ ดร.อิสระ เสรีวัฒนวุฒิ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว และมี František Ružička รองเลขาธิการ OECD ที่เดินทางมาประเทศไทยเป็นผู้แทนรับมอบเอกสารดังกล่าวอย่างเป็นทางการ
รองศาสตราจารย์ ดร.อิสระ ระบุว่า การมอบระเบียบฉบับดังกล่าวในนามของฝ่ายนิติบัญญัติไทย เป็นการสะท้อนความพร้อมของรัฐสภาในการเดินหน้าปฏิรูปกฎหมายให้เท่าทันมาตรฐานสากล
ในกิจกรรมครั้งนี้ยังมีปาฐกถาพิเศษโดย Ružička ในหัวข้อ ‘การปฏิรูปและปรับปรุงกฎหมายเพื่อมุ่งสู่การเป็นสมาชิก OECD’ ซึ่งได้รับความสนใจจากประธานกรรมาธิการหลายคณะ ผู้แทนหน่วยงานรัฐ นักศึกษาหลักสูตร ปปร.29 และ ปนป.15 ของสถาบันพระปกเกล้า ตลอดจนสื่อมวลชนที่เข้าร่วมรับฟังในห้องประชุมที่รัฐสภา
สำหรับสาระสําคัญของระเบียบ ‘คปร.-OECD’ นั้น เป็นการสถาปนา ‘คณะกรรมการที่ปรึกษาของรัฐสภาไทยด้านการเข้าเป็นสมาชิก OECD’ หรือ คปร.-OECD ขึ้นเป็นกลไกถาวรของรัฐสภา เพื่อทําหน้าที่เป็นฐานกลางในการขับเคลื่อนการเตรียมความพร้อมของประเทศสู่มาตรฐาน OECD อย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง
โดยภารกิจของคณะกรรมการฯ จะครอบคลุมทั้งการเชื่อมโยงความร่วมมือกับ OECD การเป็นศูนย์กลางองค์ความรู้ของรัฐสภา การวิเคราะห์และให้คําปรึกษาเชิงนโยบาย การสนับสนุน การตรากฎหมาย การสื่อสารสาธารณะ และการประสานงานกับหน่วยงานทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงเครือข่ายรัฐสภาโลก (GPN) ภายใต้โครงสร้างที่ประกอบด้วยผู้นําฝ่ายนิติบัญญัติ นักการทูต ผู้บริหารเชิงยุทธศาสตร์ กลไกสนับสนุนของรัฐสภาและสถาบันพระปกเกล้า ตลอดจนผู้ทรงคุณวุฒิหลากสาขา ด้วยเหตุนี้กลไกนี้จึงทําหน้าที่เป็น ‘รากฐานถาวร’ ที่ช่วยให้รัฐสภาไทยสามารถทํางานกับ OECD ได้อย่างมั่นคง เท่าทันมาตรฐานสากล และวางเส้นทางการปฏิรูปประเทศเพื่อประโยชน์ของประชาชนอย่างยั่งยืน


