วันนี้ (19 พฤศจิกายน) กลุ่มไทยภักดีได้เผยแพร่แถลงการณ์ ระบุว่า ตามที่สมาชิกรัฐสภาลงมติเห็นชอบวาระแรก ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 ของ ส.ส. ฝ่ายค้านและ ส.ส. ฝ่ายรัฐบาลรวม 2 ร่าง นำไปสู่การตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) เพื่อยกร่างรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่ แม้กลุ่มไทยภักดีจะไม่เห็นด้วย แต่เคารพการตัดสินใจของสมาชิกรัฐสภา
สิ่งที่กลุ่มไทยภักดีได้ดำเนินการต่อไป และเชิญชวนพี่น้องประชาชน 16.8 ล้านเสียงติดตามนั่นคือ เราได้ใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ร้องผ่านอัยการสูงสุด เพื่อยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ระงับยับยั้งการกระทำของรัฐสภา เพราะเราถือว่า การยกร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับนั้น ถือว่ากลไกทางการเมือง องค์กรอิสระ และศาลรัฐธรรมนูญตามรัฐธรรมนูญ 2560 ต้องถูกยกเลิกไป เข้าข่ายการล้มล้างการปกครอง
ขณะเดียวกัน ถ้าผลการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ให้โอกาสมีการตั้ง สสร. ได้ แม้จะไม่มีการแตะต้องมาตราที่เกี่ยวกับพระราชอำนาจของสถาบันพระมหากษัตริย์ กลุ่มไทยภักดีขอให้พี่น้องจับตาที่มาของ สสร. และพวกเราต้องช่วยกันติดตามประเด็นสำคัญของการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ คือ ประเด็นที่ทุนสามานย์จะเข้ามาครอบงำระบบการเมือง นั่นคือ
- ต้องไม่มีการเปลี่ยนแปลงระบบเลือกตั้ง ส.ส. จากบัตรใบเดียว เพราะถ้ามีการเปลี่ยนแปลงไปสู่บัตรสองใบตามรัฐธรรมนูญ 2540 หรือ 2550 ทุนสามานย์และเงินที่ครอบงำพรรคการเมืองจะฟื้นมีพลังอำนาจมากขึ้นมาทันที และนำไปสู่ปัญหาทางการเมืองเหมือนในอดีต
- ต้องไม่มีการเปลี่ยนแปลงการคัดเลือก ส.ว. ตามระบบใหม่ของรัฐธรรมนูญ 2560 นั่นคือให้ ส.ว. คัดเลือกจากประชาชนกลุ่มอาชีพ เพราะถ้ายอมแก้ไขให้ ส.ว. คัดเลือกจากจังหวัดต่างๆ เหมือนเดิม ส.ว. ก็อาศัยฐานเสียงพรรคการเมือง จะทำให้ ส.ว. อยู่ภายใต้บงการพรรคการเมือง นำไปสู่เผด็จการรัฐสภา
- ต้องไม่มีการแก้ไขรายละเอียดการปราบโกง ทั้งที่อยู่ในรัฐธรรมนูญ 2560 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ
- ต้องไม่มีการแก้ไขมาตราเรื่องงบประมาณ ที่นำไปสู่การแทรกแซงให้มีงบ ส.ส.
- ต้องไม่มีการแก้ไข เพื่อนิรโทษกรรมคดีทุจริต คดีถูกตัดสิทธิ์การเมืองของนักการเมืองที่ถูกลงโทษไปแล้ว
ที่กล่าวมาคือสาระสำคัญของอนาคตประเทศ ที่พี่น้องประชาชนต้องช่วยกันจับตาและติดตาม เพราะนี่คือความพยายามของกลุ่มทุนสามานย์ กลุ่มทุนล้มเจ้า (ทั้งในและนอกประเทศ) ที่ต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล