วันนี้ (15 กุมภาพันธ์) ทีมข่าว THE STANDARD ลงพื้นที่สำรวจบริเวณริมชายแดนไทย-เมียนมา ที่ริมแม่น้ำเมย แถบตำบลมหาวัน อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก หรือที่รู้จักในชื่อ ‘เมยโค้ง’ ฝั่งตรงข้ามบ้านผาลู อำเภอกอกะเร็ก รัฐกะเหรี่ยง ซึ่งอยู่ในความดูแลของกองกำลังกะเหรี่ยง KNU (Karen National Union)
เมื่อมองจากฝั่งประเทศไทยจะพบกับอาคารที่มีความสูงประมาณ 5 ชั้น มีหน้าต่างที่ติดลูกกรงเหล็กทุกบาน ในห้องสุดท้ายของแต่ละชั้นจะมีที่พักบริเวณระเบียงที่ถูกปิดล้อมด้วยลูกกรง ทุกห้องมีการติดแอร์ สังเกตได้จากเครื่องคอมเพรสเซอร์ที่อยู่ด้านนอกทำงานอยู่ตลอดเวลา ขณะที่บางชั้นมีคนยืนทาสีผนังอาคารอยู่
ถัดจากอาคารแถวหน้าเมื่อมองในล็อกต่อไป จะเห็นโครงสร้างอาคารที่อยู่ในระหว่างการก่อสร้างเป็นจำนวนมาก แต่ละอาคารสูง 4-5 ชั้น มีติดลูกกรงที่หน้าต่างทุกบานเช่นเดิม มีรถปูนวิ่งเข้า-ออกถนนหลัก
โดยสิ่งก่อสร้างทั้งหมดนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีกำแพงปูนสูงล้อมรอบ และวางรั้วลวดหนามด้านบนสุดพร้อมติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้ ส่วนที่เป็นริมแม่น้ำเมยจะมีที่พักอาศัยลักษณะเป็นป้อม มีเจ้าหน้าที่อยู่ด้านในคอยสังเกตการณ์ในระหว่างที่ทีมข่าวลงพื้นที่สำรวจ
ผู้ที่อยู่ในพื้นที่ให้ข้อมูลว่า อาคารทั้งหมดเป็นของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สังเกตได้จากการที่มีคนเดินเข้าออกที่ชั้น 2 และ 3 ตลอดทั้งวัน อีกทั้งตอนกลางคืนไฟของทั้ง 2 ชั้นจะเปิดสว่างจนเห็นได้ชัด
ขณะที่ฝั่งไทยที่ทีมข่าวยืนสังเกตการณ์ จะมีรั้วลวดหนามกั้นเป็นแนว มีบางช่วงที่รั้วลวดหนามถูกตัดออก จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ทหารทราบว่า จุดดังกล่าวเป็นช่องทางลักลอบขนส่งน้ำมัน ที่จะมีชาวเมียนมานำแกลลอนมาซื้อน้ำมันฝั่งไทยและข้ามกลับไปใช้ในอาคารสำนักงานดังกล่าว
ตั้งแต่ที่ทางการไทยมีมาตรการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ด้วยการตัดไฟ สัญญาณโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ต อีกทั้งหยุดการส่งน้ำมัน ตามพื้นที่พรมแดนธรรมชาติจะต้องมีเจ้าหน้าที่คอยเฝ้าระวังอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการลักลอบขนย้ายน้ำมัน แต่ถึงอย่างนั้นแสงไฟจากอาคารเหล่านี้ก็ยังสว่างไสวตลอดเวลา
