สมาคม, บลจ. ชงขอ ก.ล.ต. เปิดทางกองทุนไทยลงทุนสินทรัพย์เอี่ยวคริปโตเคอร์เรนซีได้ ด้าน ก.ล.ต. แย้มพร้อมพิจารณาแนวทางที่เหมาะสม

จากกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ของสหรัฐอเมริกา ได้อนุมัติการจัดตั้งกองทุน Spot Bitcoin Exchange-Traded Funds (ETF) อย่างเป็นทางการเมื่อช่วงเวลาประมาณ 04.30 น. ของวันที่ 11 มกราคม (ตามเวลาประเทศไทย) คงต้องกลับมาสอบทางถึงความเห็นของผู้เกี่ยวข้องในภาคตลาดทุนของไทย ว่ามีความเห็นในเรื่องนี้ รวมถึงเตรียมการสำหรับประเด็นนี้อย่างไร โดยทีม THE STANDARD WEALTH ได้สัมภาษณ์ทั้งสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) รวมถึงผู้บริหารในอุตสาหกรรมกองทุนรวม

ชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทย (KTAM) ในฐานะนายกสมาคมบริษัทจัดการการลงทุน (AIMC) ให้สัมภาษณ์กับ THE STANDARD WEALTH ว่า ปัจจุบันสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) อยู่ระหว่างการพิจารณาความเหมาะสมข้อเสนอของสมาคมบริษัทจัดการการลงทุน ที่ขออนุญาตให้กองทุนรวมของไทยสามารถนำเงินทุนไปลงทุนต่อในกองทุนต่างประเทศ ที่ลงทุนเกี่ยวข้องกับคริปโตเคอร์เรนซีหรือสินทรัพย์ดิจิทัลในต่างประเทศได้ ผ่านรูปแบบกองทุนรวมในต่างประเทศซึ่งมีผู้จัดการกองทุนช่วยบริหารจัดการให้ 

ทั้งนี้ เป็นรูปแบบที่ บลจ.ไทยไม่ต้องเป็นผู้บริหารจัดการกองทุนเอง เพื่อเพิ่มความหลากหลายของสินทรัพย์ซึ่งจะมีสัดส่วนการลงทุนที่น้อย หรือนำเงินทุนบางส่วน (Partial) ไปลงทุน เพราะถือเป็นกลุ่มสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง หรือหากจะดำเนินธุรกิจกองทุนรวมแบบเต็มรูปแบบที่เข้าไปลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซีหรือสินทรัพย์ดิจิทัล โดยมีผู้จัดการกองทุนบริหารกองทุนเอง จะต้องอนุมัติใบอนุญาตจากสำนักงาน ก.ล.ต. แยกออกมา ซึ่งคาดว่าน่าจะมีข้อสรุปออกมาภายในปี 2567

“ช่วงที่สมาคมบริษัทจัดการการลงทุนเคยเสนอ คุยขอ ก.ล.ต. ช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ตั้งแต่มีกระแสของกองทุน Spot Bitcoin ETF ในสหรัฐฯ ซึ่ง ก.ล.ต. ค่อนข้างเห็นด้วยกับสิ่งที่เราเสนอ แต่คงต้องรอการกลั่นกรอง ขอความเห็นชอบอนุมัติจากคณะกรรมการ (บอร์ด) ก.ล.ต. ก่อน ซึ่งมีแนวทางที่มีโอกาสเป็นไปได้ แต่ลักษณะการจัดการลงทุนที่ชัดเจนคงต้องให้บอร์ดเคาะออกมา รวมทั้งรอความชัดเจนว่าคริปโตเคอร์เรนซีจะเป็นสินทรัพย์ที่ ก.ล.ต. รับรองด้วยหรือไม่”

จับตา ก.ล.ต. จัดกลุ่ม Asset Class คริปโต 

ขณะที่ บดินทร์ พุทธอินทร์ ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) เปิดเผยกับ THE STANDARD WEALTH ว่า ปัจจุบันคริปโตเคอร์เรนซียังไม่ได้รับการรับรองว่าเป็นสินทรัพย์การลงทุนจาก ก.ล.ต. ของไทย ทำให้ปัจจุบันกองทุนรวมของไทยยังไม่สามารถเข้าลงทุนทางตรงในคริปโตเคอร์เรนซี หรือยังไม่สามารถลงทุนผ่านช่องทางกองทุนรวมหน่วยลงทุน (Fund of Funds) กับฟีดเดอร์ (Feeder Fund) หากเป็นสินทรัพย์หลักของกองทุน 

อย่างไรก็ดี ในกรณีที่เป็น Feeder Fund จะสามารถลงทุนตามเกณฑ์ของกองทุนนี้ จะต้องลงทุนในสินทรัพย์หลักของกองทุน ซึ่งต้องเป็นสินทรัพย์ที่ได้รับการรับรองจาก ก.ล.ต. ในสัดส่วนไม่น้อยกว่า 80% ของกองทุน อีกสัดส่วนไม่เกิน 20% ของกองทุน สามารถลงทุนสินทรัพย์เฉพาะตัวหรือสินทรัพย์ทางเลือกอื่นๆ รวมถึงคริปโตเคอร์เรนซีด้วย ซึ่งเป็นช่องทางเดียวที่เกณฑ์ปัจจุบันอนุญาตให้ทำได้

อีกทั้งปัจจุบันสำนักงาน ก.ล.ต. ยังไม่ได้จัดกลุ่มแยกประเภทของสินทรัพย์ (Asset Class) เป็นเกณฑ์ที่ชัดเจนที่ใช้ระบุสำหรับในหนังสือชี้ชวนของกองทุนออกมาว่า ปัจจุบันคริปโตเคอร์เรนซีจัดอยู่ในกลุ่มสินทรัพย์ทางเลือกหรือเป็นกลุ่มสินทรัพย์ดิจิทัล โดยยังต้องรอความชัดเจนในเรื่องนี้ออกมาด้วย

บดินทร์กล่าวต่อว่า ประเมินว่าการลงทุนในกองทุนรวมที่เกี่ยวข้องคริปโตเคอร์เรนซีของไทยจะไม่ได้รับความนิยมมากนัก เนื่องจากพฤติกรรมของนักลงทุนในกองทุนรวมค่อนข้างอนุรักษนิยม (Conservative) ไม่สามารถทนความผันผวนสูงของราคาคริปโตเคอร์เรนซี แต่นักลงทุนกลุ่มเฉพาะที่นิยมคริปโตเคอร์เรนซีจะไปลงทุนในช่องทางที่มีอยู่แล้ว

ก.ล.ต. กำลังติดตามแนวทางที่เหมาะสม 

ด้าน จอมขวัญ คงสกุล รองเลขาธิการ สำนักงาน ก.ล.ต. เปิดเผยกับ THE STANDARD WEALTH ว่า ปัจจุบันสำนักงาน ก.ล.ต. อยู่ระหว่างติดตามความคืบหน้าและผลกระทบจากการอนุมัติกองทุน Spot Bitcoin ETF ของ ก.ล.ต.สหรัฐฯ รวมถึงการเคลื่อนไหวของ ก.ล.ต.ประเทศอื่นๆ โดยจะพิจารณาแนวทางที่เหมาะสมสำหรับไทยต่อไป