ถ้าต้องเลือกเพียงทักษะเดียวที่จำเป็นที่สุดหากต้องการเป็นผู้รอดในยุคนี้ ขอเลือก ‘ทักษะการเรียนรู้ไม่หยุด
เมื่อเรากำลังอยู่บนโลกที่เปลี่ยนแปลงแทบจะทุกวินาที คงไม่มีทักษะไหนที่จะรับมือได้ดีไปกว่าการไม่หยุดเรียนรู้ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ ยิ่งเราอยู่ในโลกยุคดิจิทัลที่เชื่อมโลกทั้งใบไว้ด้วยเทคโนโลยี ยิ่งทำให้การเรียนรู้กลายเป็นเรื่องง่าย ทำได้ทุกที่ ทุกเวลา ตอบโจทย์ Lifelong Learning เทรนด์การเรียนรู้ตลอดชีวิต
ปัจจุบันมหาวิทยาลัยทั่วโลกกว่า 700 แห่ง หันมาเปิดคอร์สเรียนออนไลน์ สอดคล้องกับผลสำรวจใน 29 ประเทศจาก Statista เมื่อปี 2020 ที่สำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับการเรียนในระดับอุดมศึกษาทางออนไลน์ในอีก 5 ปีข้างหน้า กว่า 23% ของผู้ตอบแบบสำรวจ คิดว่าการศึกษาแบบอุดมศึกษาจะเริ่มเข้าสู่การเรียนแบบออนไลน์เป็นส่วนใหญ่ และมากถึง 49% คิดว่าการเรียนแบบออนไลน์และการเรียนรู้ด้วยตนเองสำคัญไม่แพ้กับการเรียนในห้องเรียน
ในประเทศไทยเอง มหาวิทยาลัยชั้นนำหลายแห่งได้เปิดให้บริการคอร์สเรียนออนไลน์มากขึ้น โดยเฉพาะในรูปแบบ MOOC (Massive Open Online Course) ซึ่งมีความแตกต่างจาก E-Learning แบบเดิมๆ สามารถรองรับผู้เรียนได้จำนวนมาก เปิดโอกาสให้ทุกคนบนโลกได้มีโอกาสเรียนรู้ผ่านคอร์สเรียนมากมาย มีรายวิชาและเนื้อหาที่หลากหลายให้เลือกเรียน ถ่ายทอดความรู้โดยอาจารย์ผู้สอนที่มีชื่อเสียงจากทั่วโลก สามารถเรียนได้ทุกที่ ทุกเวลา ไม่จำกัดเพศ วัย การศึกษา
‘Thai MOOC’ แพลตฟอร์มการศึกษาออนไลน์ พร้อมให้คนไทยทุกคนเรียนรู้ได้ตลอดชีวิต ฟรี!
จนถึงตอนนี้ เว็บไซต์ที่ให้บริการ MOOC รายแรกและรายใหญ่ของโลกอย่าง Coursera มีหลักสูตรมากกว่า 2,700 หลักสูตร มีผู้เรียนมากกว่า 35 ล้านคน หรือเว็บไซต์ edX ก็มีผู้ลงทะเบียนเรียนมากกว่า 10 ล้านคน มีหลักสูตรมากกว่า 1,500 หลักสูตร และมีพาร์ตเนอร์มหาวิทยาลัยมากกว่า 100 แห่ง ขณะเดียวกันมหาวิทยาลัยชั้นนำในยุโรปและเอเชียก็หันมาให้บริการ MOOC เพิ่มมากขึ้น
ถึงคิวของคนไทยที่จะได้เรียนรู้ตลอดชีวิตผ่านแพลตฟอร์มการศึกษาออนไลน์ในชื่อ ‘Thai MOOC’ (Thailand Massive Open Online Course) ภายใต้โครงการมหาวิทยาลัยไซเบอร์ไทย หรือ ‘Thailand Cyber University Project (TCU)’ โดยกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) จับมือกับมหาวิทยาลัย สถาบันการศึกษา และหน่วยงานอื่นๆ ของไทย ทั้งภาครัฐและเอกชนกว่า 120 สถาบัน
Thai MOOC เป็นหนึ่งในแผนขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล เกี่ยวกับการสร้างสังคมคุณภาพด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ผ่านแพลตฟอร์มด้านการศึกษาออนไลน์ รองรับพื้นที่การศึกษาระบบเปิดสำหรับการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning Space) เพื่อพัฒนาศักยภาพคนไทยทั้งการ Upskill และ Reskill ให้พร้อมสู่การทำงานยุคใหม่
‘Thai MOOC’ ขยายความร่วมมือระดับนานาชาติ ส่งตรงคอร์สจากมหาวิทยาลัยชั้นนำไปจนถึงเชื่อมโยงหน่วยกิตกับ MOOC ของต่างประเทศ
นอกจากคอร์สเรียนจากมหาวิทยาลัยและสถาบันชั้นนำในประเทศไทย Thai MOOC ยังขยายความร่วมมือกับนานาประเทศ โดยเริ่มลงนามความร่วมมือระหว่าง JMOOC และ K-MOOC ในการแลกเปลี่ยนรายวิชาระหว่างกันมาเป็นเวลานานกว่า 5 ปี จนถึงปัจจุบัน สร้างโอกาสการเรียนรู้ที่หลากหลายโดยเฉพาะด้านภาษา เช่น คอร์สเรียนภาษาเกาหลีจาก K-MOOC โดย Sungkyunkwan University คอร์สเรียนภาษาญี่ปุ่นจาก JMOOC โดย Kyushu University
รศ.ดร.ฐาปนีย์ ธรรมเมธา ผู้อำนวยการโครงการมหาวิทยาลัยไซเบอร์ไทย กล่าวว่า “ประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งโซนประเทศกลุ่มอาเซียน โซนเอเชีย หรือโซนยุโรป เริ่มมีการทำคอร์สเรียนออนไลน์ลักษณะนี้มากขึ้น เช่น Malaysia MOOC ของมาเลเซีย, K-MOOC ของเกาหลีใต้, JMOOC ของญี่ปุ่น, Fun MOOC ของฝรั่งเศส และ Federica Web Learning ของอิตาลี เราจึงเริ่มมองเห็นโอกาสในการร่วมมือเพื่อแลกเปลี่ยนและพัฒนาคอร์สออนไลน์ในหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการร่วมกันผลิตคอร์สออนไลน์ การแลกเปลี่ยนรายวิชา การคัดเลือกเนื้อหาจากคอร์สออนไลน์ในต่างประเทศที่มีความสอดคล้องกับผู้เรียนคนไทย โดยเพิ่มบทบรรยายภาษาไทย เพื่อให้ผู้เรียนสามารถเข้าใจเนื้อหามากขึ้น รวมไปถึงการเชื่อมโยงหน่วยกิตเข้ากับ MOOC ของต่างประเทศอีกด้วย”
ยกตัวอย่างคอร์สที่น่าสนใจและสามารถลงทะเบียนเรียนฟรีเลยตอนนี้ เช่น คอร์สเรียนเกี่ยวกับการออกแบบสิ่งแวดล้อม ระบบอุทยานการเรียนรู้ จาก K-MOOC, คอร์สเรียนวิชาหุ่นยนต์ศาสตร์ จาก Federica Web Learning ประเทศอิตาลี ที่นำเสนอเรื่องการสร้างหุ่นยนต์, คอร์สเรียนวิชาการดูแลผู้สูงอายุ (Elderly Care) จาก National Cheng Kung University จากไต้หวัน ที่พัฒนาหลักสูตรร่วมกับมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
ยังมีคอร์สออนไลน์อื่นๆ จากทุกมุมโลก ไม่ว่าจะเป็นความรู้ในเรื่องของจิตวิทยา ปรัชญา เทคโนโลยีชีวภาพ (Biochemical Technology) หรือคอร์สเกี่ยวกับการลงทุนแบบเน้นคุณค่า (Quantitative Investing) ที่จะเปิดให้ลงทะเบียนเรียนฟรีเพิ่มเติมในอนาคต
ก้าวต่อไปของ ‘Thai MOOC’ เรียนรู้อย่างยั่งยืน
ปัจจุบันมีผู้ใช้งาน Thai MOOC กว่า 1 ล้านคน ตั้งเป้าหมายภายในสิ้นปี 2021 ให้คนไทยเข้าถึงคอร์สออนไลน์จาก Thai MOOC มากกว่า 2 ล้านคน ด้วย Single Sign-On ใช้งานง่ายผ่านเลขบัตรประชาชน
โดยระบบของ Thai MOOC จะมีการพัฒนาให้มีความยั่งยืนมากขึ้น เพื่อรองรับการเป็นแพลตฟอร์มด้านการศึกษาของประเทศ ผู้ใช้งานสามารถเข้าระบบแบบ Single Sign-On ด้วยเลขบัตรประชาชน 13 หลัก อีกทั้งรายวิชาที่มาจากต่างประเทศ จะจัดทำบทบรรยายภาษาไทย เพื่อลดข้อจำกัดด้านการเรียนรู้ของคนไทย ในอนาคตจะมีการนำระบบ AI หรือระบบอัตโนมัติมาใช้ในการแปลเป็นภาษาไทยได้ รวมถึงการให้ผู้เรียนเทียบโอนหน่วยกิตวิชาเรียน Thai MOOC กับนานาชาติได้ ก็น่าจะเป็นทางเลือกให้คนไทยเชื่อมโยงการเรียนรู้กับทั่วโลกง่ายยิ่งขึ้น
ศ.ดร.จินตวีร์ คล้ายสังข์ รองผู้อำนวยการโครงการมหาวิทยาลัยไซเบอร์ไทย เชื่อมั่นว่า จุดเด่นของ Thai MOOC ทั้งเครือข่ายวิชาการจากมหาวิทยาลัยทั่วประเทศและหน่วยงานภาครัฐ ไปจนถึงการ Co-Creating หลักสูตรและเนื้อหาต่างๆ ตามความเชี่ยวชาญของแต่ละหน่วยงาน จะช่วยให้คนไทยที่ต้องเสริมทักษะต่างๆ ได้เข้าถึงแหล่งความรู้อย่างไร้ขีดจำกัด “การเรียนแบบ MOOC ยังตอบโจทย์สถานการณ์ปัจจุบันที่ผู้คนทั่วโลกไม่สามารถเดินทางได้ แต่ระบบ MOOC จะเปิดโอกาสให้ทุกคนตักตวงและเติมความรู้ที่จำเป็นจากทุกมุมโลก”
เดือนกันยายนที่ผ่านมา โครงการมหาวิทยาลัยไซเบอร์ไทย ได้จัดงานประชุมเชิงวิชาการ TCU International e-Learning Conference หรือ IEC เป็นปีที่ 12 ภายใต้หัวข้อ Empowering New Normal Global Online Education เพื่อรวบรวมและแบ่งปันแนวคิดเกี่ยวกับการศึกษา โดยเฉพาะในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จากผู้คนในแวดวงการศึกษาและเทคโนโลยีทั้งในและต่างประเทศ ร่วมแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีการศึกษา นวัตกรรม การประเมินคุณภาพและจัดการศึกษาออนไลน์ เพื่อนำไปประมวลและจัดทำคลังความรู้ด้านการศึกษาออนไลน์
“นี่คือสิ่งที่โครงการมหาวิทยาลัยไซเบอร์ไทยมุ่งมั่น ตั้งใจ พัฒนาแพลตฟอร์ม Thai MOOC เพื่อสร้างการเรียนรู้ตลอดชีวิตให้กับคนไทยทุกคน และสร้างการเรียนรู้ให้กับคนทุกวัย ตั้งแต่วัยเด็ก วัยทำงาน จนถึงวัยเกษียณได้อย่างยั่งยืน” ศ.ดร.จินตวีร์ กล่าวทิ้งท้าย
ลงทะเบียนเรียนทุกคอร์สฟรีผ่านทางเว็บไซต์ thaimooc.org