วันนี้ (23 มิถุนายน) ที่ห้องประชุมไทยไม่ทน สถานีพีซทีวี (Peace TV) รามอินทรา 40 แยก 33/1 กลุ่มไทยไม่ทน คณะสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย ได้แถลงข่าวเกี่ยวกับการจัดการชุมนุมในวันที่ 24 มิถุนายน 2564 เพื่อขับไล่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกจากตำแหน่ง
จตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า พรุ่งนี้ (24 มิถุนายน) จะเป็นสมรภูมิที่ใหญ่ขึ้น ตนเคยบอกไว้แล้วเมื่อสองสัปดาห์ก่อนว่า พล.อ. ประยุทธ์ จะอยู่ไม่เกินสามเดือน นอกจากนี้พวกตนขอประกาศว่า พวกเรายึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ประเด็นที่เราพูดถึงสถาบันฯ มีเพียงเตือนกลุ่มคนที่มักแอบอ้างเพื่อผลประโยชน์ตนเอง เพื่อรักษาอำนาจ และอ้างเพื่อทำร้ายประชาชน รวมถึง พล.อ. ประยุทธ์ ที่เป็นตัวการสำคัญ เรียกได้ว่า ‘สถาบันฯ เดือดร้อนจาก พล.อ. ประยุทธ์’
จตุพรกล่าวอีกว่า ตนเตือนหลายครั้งแล้ว ในอดีตนายกรัฐมนตรีทุกคน ยามมีวิกฤต ควรถวายรายงาน แต่ พล.อ. ประยุทธ์ไม่ทำ จึงเป็นข้อสงสัยเรื่องความจงรักภักดี และเหล่าคนที่ปกป้องสถาบันฯ มากเกินไป มักเป็นคนที่หาประโยชน์จากเรื่องนี้ รวมถึงมักมีประวัติไม่ดีที่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ อย่างไรก็ตามการอยู่หรือไปของรัฐบาลเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของหลายภาคส่วน
จตุพรยังกล่าวย้ำด้วยว่า ภารกิจหลักภารกิจเดียวคือขับไล่ พล.อ. ประยุทธ์ และขอบอกกับเพื่อนพ้องนักการเมืองด้วยว่า งาช้างไม่งอกจากปากหมาฉันใด ประชาธิปไตยก็ไม่งอกจากปากเผด็จการฉันนั้น การแก้รัฐธรรมนูญให้เป็นฉบับประชาชนไม่มีทางสำเร็จในยุคนี้ จึงขอชวนพวกพ้องนักการเมืองขับไล่ พล.อ. ประยุทธ์ก่อน รวมถึงพรุ่งนี้เราจะอธิบายเรื่องทุนเหนือรัฐ อย่างไรเสียตนเชื่อว่า พล.อ. ประยุทธ์ไม่ออกในวันพรุ่งนี้ แต่เราต้องทำทุกวิถีทางให้ออกไปให้ได้ ตลอด 7 ปีเศษท่านพอใจการบริหารงานของ พล.อ. ประยุทธ์หรือไม่ ถ้าพอใจก็นอนอยู่บ้าน ถ้าไม่พอใจก็ออกมา พรุ่งนี้เราจะวัดหัวใจพี่น้องว่าเราจะอยู่ภายใต้ระบอบประยุทธ์ต่อหรือไม่ ระบอบประยุทธ์จะอยู่ต่อไปหากคนไทยยอมถูกกดขี่แบบนี้
“เราจะปราศรัยอย่างเป็นระบบ แม้จะต้องแลกอะไรอีกมากมายหลังวันพรุ่งนี้ ทั้งนี้ ตนสามารถคุยกับทุกคนที่ไม่สามารถทน พล.อ. ประยุทธ์ได้ เชิญชวนร่วมกันสู้ มิเช่นนั้น เราจะถูกแบ่งแยกปกครองต่อไป อย่ากลัวโควิด-19 เมื่อเราพยายามทุกวิถีทางแล้ว แต่ไม่ได้รับการตอบสนอง การลงถนนคือมาตรการสุดท้าย ขอเน้นย้ำว่าเรายึดมั่นแนวทางสันติวิธีเท่านั้น เรามีหน้าที่ส่งประเทศให้คนรุ่นลูกหลานเราอย่างดีที่สุด นับตั้งแต่วันพรุ่งนี้จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ เราไม่ได้สนใจว่าใครจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป แต่นายกรัฐมนตรีคนต่อไปต้องแก้ไขประเทศได้ หลัง พล.อ. ประยุทธ์ออก ประชาชนต้องมีสัญญาประชาคม กำหนดว่านายกรัฐมนตรีคนต่อไปต้องทำอย่างไร เพื่อรีเซ็ตประเทศไทยใหม่ให้จงได้” จตุพรกล่าว
จตุพรกล่าวอีกว่า หลัง 16.00 น. สถานการณ์จะเป็นตัวกำหนดว่าค้างคืนหรือไม่ ถ้ารัฐไม่ซื่อก็อาจยืดเยื้อ อย่างไรประชาชนยึดสันติวิธีเท่านั้น หน้าที่รัฐบาลคือต้องจัดการไม่ให้มีมือที่สาม คิดว่าแม้มีหลายกลุ่มจัดชุมนุมในวันพรุ่งนี้ก็ไม่มีปัญหา แต่ละกลุ่มมีแนวทาง สถานที่ชัดเจนของใครของมัน แต่มีเป้าหมายเดียวกัน
ด้าน วีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน (คปต.) กล่าวว่า รัฐบาลนี้เข้าสู่อำนาจด้วยคำสัญญาคืนความสุข แต่สิ่งที่ประชาชนได้คือคำโกหกหลอกลวง สืบทอดอำนาจ บริหารจนประเทศฉิบหาย ข้ออ้างในการรัฐประหารที่ว่าเข้ามาแก้ไขปัญหาคอร์รัปชัน แต่เมื่อเข้าสู่อำนาจการคอร์รัปชันกลับเพิ่มมากขึ้น ในฐานะองค์กรตรวจสอบคอร์รัปชัน ภาคประชาชนเราคงจะทนต่อไปไม่ได้อีกแล้ว ที่กบฏจะสืบทอดอำนาจอยู่ยาว คืนความสุขให้แต่นายทุนเจ้าสัวไม่กี่ราย
นอกจากนี้ คืนนี้เวลา 19.00 น. ขอเชิญชวนทุกท่านชมถ่ายทอดสดผ่านเฟซบุ๊ก บอกคนทั้งโลกถึงเหตุผลที่ควรขับไล่ พล.อ. ประยุทธ์ เพื่อพิสูจน์ว่าถึงเวลาแล้วที่ควรออกไป แล้วพรุ่งนี้ 16.00 น. เรามีนัดกันที่สะพานผ่านฟ้าฯ หันหน้าเข้าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ชวนคนไทยทุกคนที่ไม่ทน เตรียมตัวเคลื่อนไปทำเนียบรัฐบาล พรุ่งนี้พบกัน
ด้าน เมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) กล่าวว่า ตนและเครือข่ายฯ ในฐานะภาคประชาชนเห็นตรงกันว่า พล.อ. ประยุทธ์ เป็นอุปสรรคของประเทศ รวบอำนาจผูกขาดเศรษฐกิจ การเมือง เอื้อนายทุนพวกพ้อง อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ดังนั้นเราจึงมีมติเข้าร่วมกลุ่มไทยไม่ทนฯ รวมพลังทางความคิด ก่อเป็นปรากฏการณ์แม่น้ำร้อยสาย อันเป็น ‘ปฐมบทแห่งการขับไล่ประยุทธ์’
ทั้งนี้ ตนคาดหวังประเทศไทยเหมือนประเทศเกาหลีใต้ เกิดมาตรฐานคุณธรรม จริยธรรม หลังการต่อสู้ครั้งใหญ่ของประชาชน พร้อมยืนยันเจตนารมณ์ เรายืนยัน แก้ไขระบอบประยุทธ์ โดยการเดินทางของแม่น้ำร้อยสาย มีเป้าหมายหลักเดียวคือ ไล่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ขณะที่ ณัทพัช อัคฮาด แกนนำผู้เสียหายจากเหตุการณ์พฤษภา 2553 กล่าวว่า กลุ่มผู้มีอำนาจในรัฐบาลปัจจุบัน 90% มีส่วนในศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ ศอฉ. ที่สลายการชุมนุมปี 2553 ซึ่งเรากลุ่มญาติผู้เสียชีวิตได้ต่อสู้มาโดยตลอด 11 ปี มีคดีความมากมาย แต่ปัจจุบันหลายคดีที่เกี่ยวกับการสลายการชุมนุมยกฟ้อง เป็นสิ่งที่เรารับไม่ได้ เราจึงออกมาร่วมต่อสู้ พรุ่งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของจุดจบรัฐบาลทหาร
ด้าน นันทพงศ์ ปานมาศ แกนนำเครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า แม้ทางเครือข่ายรามคำแหงฯ จะยังคงยึดมั่นในข้อเรียกร้อง 3 ข้อ แต่ในวันนี้เห็นได้ชัดว่า พล.อ. ประยุทธ์คือปัญหาหลักของประเทศ เราในฐานะองค์กรของคนรุ่นใหม่ จึงขอมาร่วมขับไล่ พล.อ. ประยุทธ์ จนกว่าจะออกไป โดยทางเครือข่ายรามคำแหงฯ จะรวมตัวกันเวลา 12.00 น. ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง เพื่อร่วมเดินทางไปสมทบกับคณะไทยไม่ทนฯ
ด้าน ไทกร พลสุวรรณ เลขาธิการแนวร่วมอีสานกู้ชาติ กล่าวว่า ต้นตอแห่งความแตกแยกล้มเหลวในชาติคือ พล.อ. ประยุทธ์ ต่อจากนี้เราจะไม่ยอมให้มีการแบ่งแยกการปกครองอีกแล้ว ด้วยความสามัคคีของประชาชนทุกภาคส่วน
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์