วันนี้ (18 กุมภาพันธ์) พรรคเสรีรวมไทย จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปีครั้งที่ 1/ 2566 โดยมีวาระสำคัญเพื่อเลือกกรรมการบริหารพรรคที่ว่าง เปิดตัวว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เขตทุกภาค และแถลงนโยบายของพรรค
พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า วันนี้เป็นการแถลงในส่วนของนโยบายพรรคให้ผู้สมัครทุกคนได้เข้าใจ เพื่อทราบถึงรายละเอียดที่มา และสื่อสารให้ประชาชนเกิดความเข้าใจ ทั้งนี้ พรรคเสรีรวมไทยมีการเตรียมตัวมานาน ขณะนี้เตรียมตัวพร้อมตามข้อกำหนดสมาชิกพรรค ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แล้ว อย่างไรก็ตาม ตนฝากความกังวลไปถึงพรรครวมไทยสร้างหนี้ที่ยังไม่พร้อม และอาจจะส่งผลให้ไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี
ทางพรรคตั้งใจส่งผู้สมัครให้ครบทุกพื้นที่ ที่ผ่านมาช่วงแรกจำนวนผู้สมัครครบถ้วน แต่ด้วยรัฐธรรมนูญฉบับนี้ที่ทำให้เกิดปัญหาการรับผลประโยชน์ต่างๆ ทำให้บางกลุ่มลาออกไปบ้าง ตามการถูกเชิญชวนของพรรคขนาดใหญ่ ทางพรรคเตรียมผู้สมัครไว้สำรองเพราะมีคะแนนในส่วนของ ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ
พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์กล่าวต่อไปว่า พื้นที่เป้าหมายของพรรคเสรีรวมไทยคือที่กรุงเทพมหานคร ยอมรับว่าในต่างจังหวัดอาจจะสู้พรรคขนาดใหญ่ไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวมองว่าที่ผ่านมา กกต. อาจยังไม่ได้ทำหน้าที่มากพอ อย่างการหาเสียงของพรรคขนาดใหญ่ ควรมีการตรวจสอบว่ามีการจ่ายผลประโยชน์หรือไม่ ไม่ใช่การเอาหูไปนา เอาตาไปไร่ หากตรวจสอบละเอียดจะพบว่ามีหลายพรรคที่ผิดกฎหมายชัดเจน
ในเรื่องการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ทางพรรคเสนอชื่อตนเอง ตลอด 4 ปีที่ผ่านมาเชื่อว่าพรรคเสรีรวมไทยสร้างผลงานไว้มาก โดยเฉพาะเรื่องการปราบปรามทุจริต ยาเสพติด
พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์กล่าวต่อด้วยว่า หากสังเกตจะพบว่าพรรคการเมืองที่มีชื่อหลายพรรคยังลอกนโยบายของพรรคเสรีรวมไทย แต่เพราะเขามีการประชาสัมพันธ์ที่มากกว่า จึงถูกพูดถึงเป็นวงกว้าง เช่น นโยบายเรื่องบำนาญประชาชน
การบริหารงบประมาณของผู้ที่ทำหน้าที่รัฐบาลควรพิจารณาอย่างรอบคอบ ประหยัด ไม่จำเป็นที่จะต้องซื้อของใหม่ แต่ควรนำเงินไปช่วยประชาชนเรื่องรักษาพยาบาลและการศึกษา
ผู้สื่อข่าวถามถึงประเด็นที่มีกระแสว่า พรรคเพื่อไทยอาจร่วมมือกับพรรคพลังประชารัฐจัดตั้งรัฐบาล ในฐานะหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยจะเข้าร่วมรัฐบาลชุดนี้หรือไม่ พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์กล่าวว่า ตนยืนยันการต่อต้านรัฐประหารมาตลอด ถ้ามองให้ลึกจริง พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ เกษียณหลายปีแล้ว ไม่มีอำนาจที่จะทำเรื่องนี้ การคุมอำนาจได้ต้องเป็นคนที่มีขุมพลังเท่านั้น ฉะนั้นตนจะเดินหน้าต่อต้านคนที่เป็นหลักในเรื่องนี้อย่าง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในอนาคตกับ พล.อ. ประวิตรถ้าจะร่วมงานกันก็ร่วมได้ พรรคเพื่อไทย, ก้าวไกล หรือพลังประชารัฐ สามารถร่วมงานได้
“สำหรับนโยบายต่อต้านการทุจริต ยังไม่ได้มีการทาบทาม ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ มาร่วมงานอย่างที่เป็นกระแสข่าว แต่ยอมรับว่าช่วงที่ชูวิทย์มีปัญหากับ สันธนะ ประยูรรัตน์ ตนได้ให้การช่วยเหลือ แต่หลังเลือกตั้งอาจจะพูดคุยอีกครั้ง” พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวสอบถามความเห็นของ พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ กรณีมีกระแสว่าสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) จะลงคะแนนเลือก พล.อ. ประยุทธ์ และ พล.อ. ประวิตรเท่านั้น ว่าเป็นสิทธิของเขาที่จะทำตามรัฐธรรมนูญที่โกงมา เพราะ ส.ว. เหล่านั้นก็ต่างเลือกกันมาเอง แต่ 4 ปีที่ผ่านมา ส.ว. อาจจะคิดแล้วว่าทำไม พล.อ. ประยุทธ์เป็นแบบนี้ จะเห็นว่าช่วงหลังมานี้หลายคนมีท่าทีเปลี่ยนไป เพราะฉะนั้นการเลือกตั้งครั้งนี้ พล.อ. ประยุทธ์จะไม่ได้จำนวนเสียง ส.ว. ทั้ง 249 คนแบบที่ผ่านมา
“เลือกพรรคดีๆ ถึงแม้ผู้สมัครไม่มีชื่อเสียงอย่าไปสนใจ ดูหัวหน้าพรรค เลือกคนดี พรรคดีประเทศเจริญ แต่ถ้าเลือกพรรคไม่ดีพรรคขี้โกงเป็นอย่างนี้ตลอด” พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์กล่าวทิ้งท้าย
จากนั้นพรรคเสรีรวมไทย นำโดย พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เปิดนโยบายพรรคทั้ง 14 ข้อ ประกอบด้วย
- การจัดที่ดินที่อยู่อาศัยทำกินให้ประชาชน การปฏิรูปการใช้ที่ดินของรัฐ แก้ปัญหาแนวทับซ้อนที่ดินทำกินร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
- บัตรประชาชนใบเดียวรักษาฟรีทั่วไทย คือการรวมบัตรสิทธิการรักษาทุกใบเป็นใบเดียวกันทุกโรคที่มีบัตรประกันสุขภาพ 30 บาท สามารถขอการรักษาได้ที่โรงพยาบาลรัฐทุกแห่งไม่จำกัดพื้นที่
- เรียนฟรีจนจบปริญญาตรี และยกเลิกหนี้ กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) พร้อมสนับสนุนภาคการศึกษาจ่ายตรงให้มหาวิทยาลัย 25,000 บาท ปีละ 2 ภาคการศึกษา เป็นเงิน 50,000 บาทต่อคนต่อปี
- บำนาญประชาชน 3,000 บาทต่อเดือน
- เบี้ยผู้พิการ 3,000 บาทต่อเดือน
- ยาเสพติดเป็น 0 โดยตั้งเป็นวาระแห่งชาติ และบูรณาการทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง มีบทลงโทษที่รุนแรงทั้งผู้ขาย, ผู้เสพ, ผู้สนับสนุน รวมทั้งผู้รับประโยชน์ทั้งข้าราชการ และนักการเมือง
- ปราบทุจริต พิชิตคนพาล อภิบาลคนดี คืนงบให้ประชาชน คือการปราบปรามการทุจริตทุกรูปแบบ นำงบประมาณไปพัฒนาด้านต่างๆ
- ปฏิรูปตำรวจ เพื่อประชาชนกู้วิกฤตศรัทธาตำรวจอาชีพ ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ คือการแก้ไขพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ตำรวจ พ.ศ. 2565 รวมทั้งคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ ต้องมาจากการเลือกตั้ง, ข้าราชการตำรวจชั้นประทวนต้องจบปริญญาตรี, แยกงานป้องกันออกจากงานปราบปรามโดยเด็ดขาด และปรับปรุงงบประมาณ และสวัสดิการให้เพียงพอในการปฏิบัติหน้าที่
- ปฏิรูปกองทัพ แก้ไข พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม คือยกเลิกการเกณฑ์ทหาร, ลดขนาดกองทัพ, ยกเลิกศาลทหาร และย้ายกองทัพออกจากกรุงเทพฯ
- เก็บอาวุธหยุดความตาย คือนำปืนออกจากมือประชาชนคืนสู่รัฐ ปืนถูกกฎหมายรับซื้อคืน ปืนผิดกฎหมายนำมาให้รัฐโดยไม่มีความผิด และหลังจากนั้นใครมีอาวุธปืนครอบครองต้องลงโทษรุนแรง
- สร้างเขื่อนเพื่อการเกษตร ป้องกันปัญหาน้ำแล้ง น้ำท่วม คือการสร้างเขื่อนขนาดกลาง ขนาดเล็ก และพนังกั้นน้ำ มีวัตถุประสงค์เพื่อการจำกัดการไหลของน้ำในขณะที่เกิดน้ำท่วม ให้สามารถระบายน้ำ และเพื่อการเกษตรในสภาวะแล้ง
- น้ำมัน ไฟฟ้า ราคาถูกสำหรับประชาชน เช่น การทวงคืน ปตท. ให้กลับมาเป็นของประชาชน ที่ไม่แสวงหาผลกำไร ทั้งการยกเลิกการอ้างอิงราคาตามประเทศสิงคโปร์ และการยกเลิกการผสมเอทานอล เมื่อเอทานอลสูงกว่าน้ำมัน ส่วนไฟฟ้า คือการรื้อระบบสัญญา สร้างโซลาร์เซลล์โรงไฟฟ้าชุมชน และการควบรวมการไฟฟ้า 3 ฝ่าย
- เสริมสร้างประสิทธิภาพกองทุนหมู่บ้าน
- การแก้ปัญหาประมงไทยอย่างยั่งยืน คือการยกเลิกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การประมง ฉบับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และการรวมผู้เชี่ยวชาญตั้งกรมประมงทะเล
โดยจำนวนผู้สมัคร ส.ส. วันนี้ของพรรคเสรีรวมไทย มีจำนวนรวม 380 คน แบ่งเป็น
- กรุงเทพมหานคร 32 คน
- ภาคเหนือ (บน) 34 คน
- ภาคเหนือ (ล่าง) 34 คน
- ภาคอีสาน (บน) 60 คน
- ภาคอีสาน (ล่าง) 63 คน
- ภาคกลาง 30 คน
- ภาคตะวันออก 41 คน
- ภาคตะวันตก 32 คน
- ภาคใต้ (บน, ล่าง) 54 คน