วันนี้ (11 กรกฎาคม) พล.ต.อ.ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นประธานในที่ประชุม ณ ห้องประชุมชั้น 2 อาคาร House of Thai Football พร้อมด้วยตัวแทนผู้บริหารจากสโมสรไทยลีก 1 จำนวน 16 สโมสร, กรวีร์ ปริศนานันทกุล รักษาการประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยลีก จำกัด, พาทิศ ศุภะพงษ์ เลขาธิการสมาคมฯ และผู้แทนจากบริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) ร่วมประชุมเพื่อสรุปความพร้อมการแข่งขันฟุตบอลลีกอาชีพในฤดูกาล 2023/24
โดยมีสาระสำคัญจากการประชุม ดังนี้
- สมาคมฯ ยืนยันดำเนินการจัดการแข่งขันฟุตบอลลีกอาชีพระดับไทยลีก 1, ไทยลีก 2, ไทยลีก 3 และฟุตบอลถ้วย ตามโปรแกรมที่ได้กำหนดไว้โดยบริษัท ไทยลีก จำกัด
- สมาคมฯ ยืนยันจะผลิตสัญญาณถ่ายทอดสด และใช้ VAR ในการตัดสินการแข่งขันระดับไทยลีก 1 ครบทุกคู่ สำหรับไทยลีก 2, ไทยลีก 3 และฟุตบอลถ้วย จะมีการถ่ายทอดสดตามเงื่อนไขสิทธิประโยชน์ของผู้สนับสนุน
- ในระหว่างที่ยังไม่มีผู้ถือลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดการแข่งขัน สมาคมฯ ยินดีมอบให้สโมสรไทยลีก 1 เป็นผู้นำสัญญาณไปถ่ายทอดในช่องทางของสโมสร หรือนำไปเผยแพร่เพื่อสร้างรายได้ในการสนับสนุนสโมสรตามเงื่อนไขที่สมาคมฯ กำหนด
- สมาคมฯ เห็นด้วยในหลักการจัดตั้งองค์กรบริหารฟุตบอลไทยลีก 1 ซึ่งจำเป็นต้องศึกษาเรื่องโครงสร้างการบริหาร ระเบียบ และข้อบังคับทางกฎหมาย ทั้งนี้ สมาคมฯ ขอให้สโมสรเข้ามานำเสนอแผนการดำเนินธุรกิจโดยละเอียดต่อไป
- สมาคมฯ ขอเชื้อเชิญให้ผู้แทนของทั้ง 16 สโมสรเข้ามาร่วมเป็นกรรมการบริหาร บริษัท ไทยลีก จำกัด เพื่อร่วมตัดสินใจในการพัฒนาฟุตบอลลีกอาชีพร่วมกัน
- สมาคมฯ จะดำเนินการมอบเงินสนับสนุนสโมสรฤดูกาล 2022/23 ที่ผ่านมาให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
- ในสถานการณ์ที่ยากลำบากนี้ สมาคมฯ ยังคงนโยบายควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างเข้มงวดต่อเนื่องจากช่วงวิกฤตโควิดที่ผ่านมา
โดยหลังการประชุมนายกสมาคมฯ ได้กล่าวว่า “ด้วยระยะเวลาก่อนที่จะเปิดฤดูกาลแข่งขันใหม่นี้ ผมในฐานะนายกสมาคมฯ และผู้นำขององค์กร ขอให้คำมั่นที่จะพาฟุตบอลไทยเดินหน้าในช่วงเวลาที่ท้าทาย ในวันนี้ผมขอยืนยันว่า การแข่งขันฟุตบอลไทยลีกจะดำเนินการแข่งขันตามกำหนด สมาคมฯ จะรับผิดชอบในการผลิตสัญญาณถ่ายทอดสด โดยแฟนบอลจะได้รับชมการแข่งขันไทยลีกอย่างแน่นอน
“สมาคมฯ ยืนยันที่จะให้การสนับสนุนการแข่งขันของสโมสรในลีกล่างคือ ไทยลีก 2, ไทยลีก 3 และฟุตบอลลีกสมัครเล่น และสนับสนุนภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจัดการแข่งขันอย่างเต็มที่ รวมถึงโครงสร้างโดยรวมของฟุตบอลไทยไปพร้อมๆ กัน ไม่ว่าจะเป็นฟุตบอลทีมชาติไทยชายและหญิง ทุกรุ่นอายุ, ฟุตบอลลีกเยาวชน, กิจกรรม Grassroots, ฟุตซอล, ฟุตบอลชายหาด, วิทยาศาสตร์การกีฬา รวมถึงการพัฒนาบุคลากรในด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยต้องไม่ทอดทิ้งส่วนใด เพราะถือว่าเป็นรากฐานที่จำเป็นในการพัฒนาวงการฟุตบอลไทยอย่างมั่นคง ยั่งยืน และถาวรต่อไปในอนาคต
“สำหรับเรื่องการบริหารไทยลีก 1 โดย 16 สโมสรของลีกสูงสุด ทางสมาคมฯ เห็นด้วยในหลักการหากเป็นผลดีกับการพัฒนาวงการฟุตบอลไทย ซึ่งสโมสรฯ สามารถเข้ามาร่วมเป็นกรรมการบริหารของบริษัท ไทยลีก จำกัด เพื่อให้มีอำนาจบริหารกิจกรรมการแข่งขันได้ทันที ในระหว่างที่ทั้ง 16 สโมสรกำลังพิจารณาจัดตั้งโครงสร้างขององค์กรใหม่ที่ต้องเป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และข้อบังคับของสมาคมฯ และการกีฬาแห่งประเทศไทย” พล.ต.อ.ดร.สมยศ กล่าว