วันนี้ (15 ตุลาคม) ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ทีมทนายความ ประกอบด้วย ทนายตั้ม-ษิทรา เบี้ยบังเกิด, ทนายแก้ว-มนต์ชัย จงไกรรัตนกุล, ทนายเจมส์-นิติธร แก้วโต, ทนายเกิดผล-เกิดผล แก้วเกิด, ทนายรณณรงค์-รณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ มูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม, ทนายรัชพล-รัชพล ศิริสาคร, ทนายเด-เดชา กิตติวิทยานันท์, ทนายพัฒน์-อนุสรณ์ อะสุระพงษ์, อี้-แทนคุณ จิตต์อิสระ และ เอกภพ เหลืองประเสริฐ สายไหมต้องรอด
ทั้งหมดรวมตัวพาผู้เสียหายจากการร่วมลงทุนบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด (The iCon Group Co., Ltd.) เข้าแจ้งความดำเนินคดีผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในความผิดฐาน พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน, ฉ้อโกงประชาชน, พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และความผิดฐานฟอกเงิน
ทนายตั้มกล่าวว่า วันนี้มีการรวมตัวของทนายความเพื่อให้มาดูแลผู้เสียหายทั้งหมด โดยจะให้ทนายแต่ละคนดูแลผู้เสียหายประมาณ 10 คน ดูแลตั้งแต่วันที่แจ้งความจนกว่าผู้เสียหายจะได้รับเงินเยียวยา เจตนาของทีมทนายความคือต้องการให้ผู้เสียหายมั่นใจ
ซึ่งเมื่อวานนี้ (14 ตุลาคม) ตนและทีมทนายได้ดูในรายการโหนกระแส เห็นว่าบอสร้องไห้ ส่วนตัวจึงมองว่าเป็นการเรียกกระแส เพราะในรายการ THE STANDARD NOW มีการพูดอีกรูปแบบ อีกทั้งยังมีการโยงคดีต่างๆ ให้กับแม่ข่ายเหมือนกับตนเองไม่รู้เรื่อง จึงฝากไปถึงแม่ข่ายที่กลัวว่าจะได้รับความเดือดร้อนว่าให้ติดต่อมาหาทีมทนายความ เพราะหากไม่เข้ามาให้ข้อมูลก็จะตกเป็นแพะในเรื่องนี้
ทนายตั้มระบุต่อว่า ตนเองคุยกับทนายความทั้งหมด ทุกคนไม่ได้มีพฤติกรรมรับเคลียร์กรณีนี้ การนำเงินมาให้ทีมทนายความเพื่อให้หยุดออกสื่อ ยืนยันว่าไม่มีวัน พวกเราจะช่วยเหลือจนกว่าผู้เสียหายจะได้เงินชดเชยมากที่สุด พร้อมฝากไปถึงรัฐบาลว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ควรมีการตั้งหน่วยงานหลายหน่วยมาบูรณาการกัน
ส่วนเรื่องของรายได้ที่เหล่าดารามีส่วนในยอดขายด้วย ทนายตั้มระบุ ถึงแม้ว่าทนายความของ กันต์ กันตถาวร จะออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้เกี่ยวข้อง แต่ทุกอย่างก็ชัดเจนในการกระทำของบอสใหญ่ เนื่องจากบอสใหญ่รับสารภาพเองในรายการ จึงมองว่าส่วนนี้ตำรวจสามารถเก็บมาเป็นพยานหลักฐานได้
ด้านเดชา ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ กล่าวว่าตอนนี้มีแม่ข่ายอัดคลิปข่มขู่พยานและข่มขู่ว่าใครมาแจ้งความจะโดนข้อหาแจ้งความเท็จ ซึ่งตนเองเห็นหลักฐานพวกนี้แล้ว และมองว่าการที่แม่ข่ายอัดคลิปขู่เป็นการยุ่งเหยิงพยานหลักฐานและข่มขู่ ซึ่งตนจะรวบรวมพยานทั้งหมดมาแจ้งความ ยืนยันคดีนี้ไม่มีมวยล้ม จะมาเคลียร์กันไม่ได้
ทนายแก้วกล่าวว่า ขอให้มั่นใจว่าทนายทุกคนช่วยเหลือและเคียงข้างประชาชนรวมทั้งอยากให้แม่ข่ายมาเป็นพยาน ด้านแม่ข่ายควรออกมาแสดงความบริสุทธิ์ใจและให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ เพราะประชาชนเดือดร้อน
ด้านพยานที่มากับเอกภพซึ่งจะเข้าให้ข้อมูลกับผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ส่วนตัวมีข้อมูลและจะส่งต่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเส้นทางการเงินกับบุคคลบางคนที่เรียกว่า เทวดา ส่วนการจ่ายเงินจ่ายเป็นเปอร์เซ็นต์ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาจ่ายไปหลักหมื่นล้านบาท ตั้งแต่ปี 2563 ซึ่งเทวดามีหลายคนที่จ่ายให้และมี 4 หน่วยงาน ได้แก่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.), สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.),กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.)
ทั้งนี้ เหตุผลที่ตัดสินใจออกมาให้ข้อมูล พยานระบุว่า ไม่อยากให้ประชาชนโดนเอารัดเอาเปรียบไปมากกว่านี้
