×

รู้จัก CI 2.0: ความหวังขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืนของอาเซียน สู่ปี 2045

โดย THE STANDARD TEAM
01.10.2025
  • LOADING...
thai-launches-complementarities-initiative-2-0-asean-sustainable-development

ประเทศไทยในฐานะผู้ประสานงานของอาเซียนด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนมาตั้งแต่ปี 2016 มีบทบาทนำในการผลักดันความร่วมมือระดับภูมิภาคมาโดยตลอด ล่าสุด ไทยได้เปิดตัว ‘ข้อริเริ่มความเกื้อกูล 2.0’ (Complementarities Initiative 2.0 หรือ CI 2.0) ที่คณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ซึ่งข้อริเริ่มดังกล่าวถือเป็น ‘เครื่องมือสำคัญ’ ในการขับเคลื่อนวาระการพัฒนาที่ยั่งยืนของอาเซียน

 

พลพงศ์ วังแพน อธิบดีกรมอาเซียน กระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเกี่ยวกับการเปิดตัว CI 2.0 เมื่อวันที่ 25 กันยายนที่ผ่านมา โดยเผยว่า ข้อริเริ่มดังกล่าวเกิดขึ้นครั้งแรกในปี 2017 ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างไทยกับสหประชาชาติ (UN) เพื่อเชื่อมโยง วิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียน 2025 เข้ากับ วาระการพัฒนาที่ยั่งยืน 2030 (Agenda 2030) ของ UN 

 

CI ฉบับแรกมุ่งเน้นใน 5 สาขาหลัก ได้แก่ การขจัดความยากจน, การผลิตและบริโภคที่ยั่งยืน, การจัดการทรัพยากรธรรมชาติ, การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการเชื่อมโยง และการรับมือกับความท้าทายใหม่ๆ ซึ่งรวมถึงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในเวลาต่อมา

 

เมื่อ ‘วิสัยทัศน์อาเซียน 2025’ กำลังจะสิ้นสุดลง และผู้นำอาเซียนได้ให้การรับรอง ‘วิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียน 2045’ เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ประเทศไทยจึงได้ผลักดัน CI 2.0 เพื่อสานต่อและยกระดับความร่วมมือให้สอดคล้องกับความท้าทายในอนาคต

 

พลพงศ์กล่าวว่า เป้าหมายหลักของ CI 2.0 จะมุ่งเน้นประเด็นสำคัญที่เป็น ‘รากฐานของการพัฒนาเศรษฐกิจในอนาคต’ ซึ่งประกอบด้วย

  • การเงินสีเขียว (Green Finance): ส่งเสริมการลงทุนที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม
  • การรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change): สร้างความร่วมมือเพื่อรับมือผลกระทบต่างๆ
  • การเปลี่ยนผ่านทางพลังงาน (Energy Transition): ผลักดันการใช้พลังงานสะอาดและยั่งยืน
  • การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล (Digital Transformation): ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นกลไกขับเคลื่อนการพัฒนา
  • การสร้างเครือข่ายหุ้นส่วน (Partnership): ขยายความร่วมมือกับประเทศคู่เจรจาและภาคส่วนต่างๆ เพื่อระดมทรัพยากรและความรู้

 

พลพงศ์ย้ำว่าการขับเคลื่อนวาระการพัฒนาที่ยั่งยืนผ่านกรอบของ CI 2.0 ก่อให้เกิดประโยชน์หลายมิติ เช่น

 

  1. แก้ปัญหาร่วมกัน: เป็นเวทีให้ประเทศสมาชิกอาเซียน ซึ่งเผชิญปัญหาข้ามพรมแดนคล้ายคลึงกันได้แก้ไขปัญหาร่วมกัน เช่น การร่วมกันหาทางออกปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ 

 

  1. ช่วยลดความขัดแย้ง: ประเด็นด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนมีความอ่อนไหวทางการเมืองน้อย ทำให้เป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือที่สร้างสรรค์และเชื่อมโยงประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเข้าด้วยกัน

 

  1. สร้างขีดความสามารถ: ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และพัฒนาขีดความสามารถ (Capacity Building) ระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาที่เหมาะสมกับบริบทของตนเอง

 

ทั้งนี้ ในการสนับสนุนการขับเคลื่อนวาระดังกล่าวอย่างเป็นรูปธรรม  อธิบดีกรมอาเซียนเผยว่า ประเทศไทยได้จัดตั้ง ‘ศูนย์อาเซียนเพื่อการศึกษาและการหารือด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน’ (ACSDSD) ขึ้นที่กรุงเทพฯ ตั้งแต่ปี 2019 ซึ่งศูนย์แห่งนี้ได้ทำหน้าที่เป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนโครงการและความร่วมมือภายใต้กรอบ CI ทั้งฉบับแรกและ CI 2.0 เพื่อสร้างความยั่งยืนให้เกิดขึ้นจริงในภูมิภาคอาเซียนและส่งเสริมความพยายามในระดับโลกต่อไป

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising