วันนี้ (27 พฤษภาคม) เฉลิมพล เพ็ญสูตร ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ ที่มี เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี นั่งเป็นประธานวันนี้ มีมติเห็นชอบกรอบการจัดทำงบประมาณเพิ่มเติมปี 2567 ในวงเงิน 122,000 ล้านบาท
โดยจำนวนนี้จะมาจากการกู้เงินหรือขาดดุลงบประมาณเพิ่ม 112,000 ล้านบาท เนื่องจากคาดการณ์ว่ารัฐบาลจะจัดเก็บรายได้เพิ่ม 10,000 ล้านบาท ในปีงบประมาณ 2567
อย่างไรก็ดี ตามรายงานผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลของปีงบประมาณ 2567 ฉบับล่าสุด แสดงให้เห็นว่าในช่วงครึ่งแรกของปีงบประมาณ 2567 (เดือนตุลาคม 2566 – มีนาคม 2567) รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิเพียง 1,168,900 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 27,819 ล้านบาท หรือ 2.3%
เฉลิมพลยังระบุว่า การกู้เงินเพิ่ม 112,000 ล้านบาทนี้ คาดว่าจะทำให้หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นไปแตะ 68% ต่อ GDP ซึ่งนับเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แต่ยังถือว่าอยู่ในกรอบพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 ที่กำหนดเพดานไว้ที่ 70% ต่อ GDP
ทั้งนี้ ตามข้อมูลจากสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ระบุว่า ณ เดือนมีนาคม 2567 หนี้สาธารณะไทยอยู่ที่ 63.37% ต่อ GDP
เฉลิมพลกล่าวว่า การจัดทำงบประมาณรายจ่ายกลางปีเพิ่มเติมดังกล่าว ทำไปเพื่อใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งเป็นตามที่มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบให้ใช้แหล่งเงินในปีงบประมาณ 2567 วงเงิน 175,000 ล้านบาท
ซึ่งก่อนหน้านี้ จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เคยอธิบายว่า การจัดทำงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมเช่นนี้ เป็นหนึ่งในวิธีที่ ครม. เห็นชอบไปก่อนหน้านี้
โดยเหตุที่รัฐบาลเลือกทำงบประมาณเพิ่มเติม แทนที่จะบริหารงบประมาณวิธีการอื่น เช่น การโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณ เนื่องมาจากการโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณจะทำให้เงินถูกแช่แข็งไว้ 2 เดือน ซึ่งจะกระทบการเบิกจ่ายของภาครัฐ และอาจกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจอีกที