พินทุ์สุดา ชัยนาม อธิบดีกรมองค์การระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน เมื่อวันที่ 25 กันยายนที่ผ่านมา เกี่ยวกับการเข้าร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีต่างประเทศของกลุ่ม Foreign Policy and Global Health Initiative (FPGH) ประจำปี 2025 ซึ่งบราซิลเป็นประธาน และการหารือ High-level Panel Discussion: Rescuing Health-Related SDGs in Times of Crisis: Aligning Multilateral Collaboration for Country Impact ในห้วงสัปดาห์ผู้นำของการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 80 (UNGA80) ครอบคลุมประเด็นสำคัญ ดังนี้
นโยบายต่างประเทศเชื่อมโยงนโยบายสาธารณสุข
อธิบดีกรมองค์การระหว่างประเทศให้ความเห็นเกี่ยวกับบทบาทของกรอบ FPGH และความเชื่อมโยงระหว่างนโยบายต่างประเทศกับนโยบายสาธารณสุข เนื่องจากสาธารณสุขเป็น ‘สินค้าสาธารณะ’ (Public Good) หากประเทศหนึ่งไม่มีความมั่นคงด้านสาธารณสุข ก็จะส่งผลกระทบต่อประเทศอื่นๆ ด้วย จึงจำเป็นต้องมีความร่วมมือระหว่างประเทศอย่างใกล้ชิด โดยกรอบ FPGH ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2006 โดยเป็นการรวมตัวของ 7 ประเทศจากหลากหลายภูมิภาค ได้แก่ ไทย, อินโดนีเซีย, บราซิล, ฝรั่งเศส, นอร์เวย์, แอฟริกาใต้ และเซเนกัล
มองอุปสรรคในการขับเคลื่อนเป้าหมาย SDGs ด้านสุขภาพ โดยภาครัฐและเอกชน
- หลักการและเป้าหมายที่ไม่ตรงกันของผู้เล่นต่างๆ ด้านสุขภาพ: การขาดความสอดคล้องกันของหลักการและเป้าหมายซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานของมุมมองและประโยชน์ของผู้เล่นต่างๆ เป็น ‘อุปสรรคสำคัญ’ ในการขับเคลื่อนนโยบายด้านสุขภาพ ซึ่งกลไกการมีส่วนร่วมและรับฟังความเห็นจากภาคส่วนต่างๆ มีความสำคัญในการปิดช่องว่างและจัดการกับความท้าทายนี้
- ข้อจำกัดด้านงบประมาณ (Health Financing): สถานการณ์โควิด-19 เป็นตัวอย่างที่มีการใช้นวัตกรรมทางการเงินและเทคโนโลยีมาสนับสนุนงานสาธารณสุขและการให้บริการเพื่อช่วยเหลือประชาชน นอกจากนี้ แนวโน้มล่าสุด หลายประเทศและองค์กรระหว่างประเทศยังถูกตัดลดงบประมาณความช่วยเหลือด้านการพัฒนาและด้านสาธารณสุข ซึ่งส่งผลกระทบต่อเนื่องไปถึงความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ทำให้จำเป็นต้องหาแนวทางรองรับ ซึ่งไทยเพิ่งเป็นเจ้าภาพจัดกิจกรรมคู่ขนาน ร่วมกับ WHO สเปน และแองโกลา เพื่อหารือแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับแนวทางรองรับดังกล่าวในห้วง UNGA80
การส่งเสริมเสียงของประเทศกำลังพัฒนาในเวทีโลก
- ความสำคัญของระบบพหุภาคีนิยม แม้จะถูกมองว่าเสื่อมถอยลงในปัจจุบัน แต่ระบบพหุภาคีนิยมยังคงมีความสำคัญเพราะเป็นเวทีที่ประเทศกำลังพัฒนาสามารถรวมกลุ่มและสะท้อนเสียงของตนเองให้ได้รับความสนใจมากขึ้นได้
- การแสดงจุดเด่นของประเทศ แต่ละประเทศสามารถใช้เวทีพหุภาคีเพื่อนำเสนอตัวอย่าง ประสบการณ์ความสำเร็จของตนเองได้ เช่น ประเทศไทยที่มีความสำเร็จด้านหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า เป็นต้น
- บทบาทในการเจรจาระดับโลก ประเทศกำลังพัฒนามีส่วนสำคัญในการเจรจาความตกลงระหว่างประเทศ เช่น Pandemic Agreement ซึ่งเป็นความตกลงเพื่อรับมือการระบาดใหญ่ในอนาคตอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
กลยุทธ์เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย SDGs ด้านสุขภาพ
อธิบดีกรมองค์การระหว่างประเทศมองกลยุทธ์ที่ต้องปรับใช้ เมื่อมีความกังวลว่าเป้าหมาย SDGs ด้านสุขภาพ ‘อาจไม่บรรลุ’ ในปี 2030 ดังนี้
- การจัดลำดับความสำคัญ ของนโยบาย
- การสอดประสานท่าที ระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชน
- การเน้นย้ำหลักการ ‘ไม่ทอดทิ้งใครไว้ข้างหลัง’ โดยเฉพาะการดูแลกลุ่มเปราะบาง
- การนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ เช่น Digital Health และ การพัฒนาขีดความสามารถของแต่ละประเทศ