×

เหรียญศักดิ์ศรีที่หลุดมือ ความจริงของฟุตบอลไทยหลังแพ้เวียดนาม

19.12.2025
  • LOADING...
เหรียญศักดิ์ศรีที่หลุดมือ ความจริงของฟุตบอลไทยหลังแพ้เวียดนาม

คงไม่มีใครอยากจะเชื่อว่าจากสกอร์ฟุตบอลชายทีมชาติไทยออกนำเวียดนามอยู่ 2-0 หลังจบครึ่งแรก จะมาโดนเวียดนามทวงคืนรวดเดียว 3 ประตู แซงชนะไปในช่วงต่อเวลาพิเศษ ปาดหน้าคว้าเหรียญทองไปครอง ชนิดที่คนไทยชอกช้ำกันทั้งประเทศ

 

ฟุตบอลเป็นชนิดกีฬาที่แฟนกีฬาไทยคาดหวังเอาไว้สูงมาก ถูกยกให้เป็นเหรียญแห่งศักดิ์ศรีของชาติเจ้าภาพที่จะพลาดไม่ได้ โดยเฉพาะกับทีมชาติไทยที่ครองแชมป์มากสุด 15 สมัย และไม่เคยพลาดเหรียญทองเลยตลอด 4 ครั้งหลังสุดที่ลงแข่งในฐานะเจ้าภาพซีเกมส์ และแพ้เพียงครั้งเดียวในชื่อเดิม “เซียปเกมส์” ปี 1967 หรือเมื่อ 58 ปีก่อน

 

เพราะอะไรความพ่ายแพ้ครั้งนี้ถึงทำให้เรารู้สึกจุกอกและช้ำใจที่สุดนัดหนึ่ง

 

⚽แพ้ทั้งชุดใหญ่และชุดเล็ก

 

ย้อนกลับไปเมื่อเดือนมกราคม 2025 ฟุตบอลชายทีมชาติไทยชุดใหญ่ก็เพิ่งเสียแชมป์อาเซียน คัพ ให้กับเวียดนามชนิดที่แพ้ทั้งเหย้าและเยือน โดยความพ่ายแพ้ในเลกสองเกิดขึ้นบนสนามราชมังคลากีฬาสถาน ด้วยสกอร์ 2-3 สกอร์รวม 2 นัด เวียดนามชนะ 5-3

 

กลับมาที่ซีเกมส์กันอีกครั้ง ความพ่ายแพ้ต่อเวียดนามด้วยสกอร์และสถานที่เดียวกันกับทีมชุดใหญ่ ส่งผลให้ฟุตบอลไทยพลาดเหรียญทองซีเกมส์เป็นสมัยที่ 4 ติดต่อกัน ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ที่ผ่านมาเคยไม่ได้เหรียญทองนานสุดก็ 3 สมัย

 

และที่สำคัญนี่คือการแพ้ต่อเวียดนามคู่แข่งสำคัญในรอบชิงชนะเลิศอีกครั้ง ต่อจากปี 2021 ที่ประเทศเวียดนาม เพียงแต่คราวนี้ความเจ็บปวดมันแตกต่างกัน และมากกว่ากันชัดเจน เพราะนอกจากช้างศึกจะได้เล่นในบ้านแล้ว สกอร์ก็นำก่อน 2-0 แต่สุดท้ายไม่อาจรักษาเอาไว้ได้ แพ้คาบ้านไปอย่างน่าปวดใจ

 

⚽การเตรียมทีมที่แตกต่างกัน

 

ไทยและเวียดนาม คือสองทีมเต็งที่มีเป้าหมายเดียวกันคือต้องการเหรียญทอง ในส่วนของทีมชาติไทยอยากจะได้เหรียญนี้มากเป็นพิเศษ เพราะไม่ได้มาเข้าสู่ปีที่ 8 แล้ว ซึ่งครั้งนี้เป็นเจ้าภาพยังไงเป้าหมายก็ต้องแชมป์เท่านั้น

 

ส่วนเวียดนาม เพิ่งจะเสียแชมป์ไปให้กับอินโดนีเซียในปี 2023 ครั้งนี้จึงอยากจะทวงคืนเพื่อกลับมาเป็นแชมป์สมัยที่ 3 ในรอบ 4 ครั้งหลังสุด ซึ่งถ้าทำสำเร็จจะเป็นโมเมนต์ที่ยิ่งใหญ่ของพวกเขาอย่างยิ่ง เพราะนั่นหมายถึงการบุกมาคว้าแชมป์ได้ถึงถิ่นคู่ปรับตลอดกาล

 

โดยก่อนซีเกมส์ครั้งนี้จะเริ่มต้น ทางฝั่งสมาคมกีฬาฟุตบอลไทย ไม่ได้มีการพักเบรกฟุตบอลไทยลีก โดยให้สโมสรเตะกันปกติตามโปรแกรม เพราะซีเกมส์ไม่ได้อยู่ในโปรแกรม ฟีฟ่า เดย์

 

ถ้ามองให้แง่ระบบบริหารฟุตบอลแบบมืออาชีพก็ถือว่าทำถูกต้องแล้ว เพียงแต่ประเด็นสำคัญคือการเตรียมทีม ซึ่งกว่าทาง โค้ชวัง-ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล หัวหน้าผู้ฝึกสอน จะได้นักเตะมาซ้อมแบบพร้อมหน้าพร้อมตาครบ 23 คน ก็เหลือเวลาอีกเพียงหนึ่งสัปดาห์เท่านั้น ทัวร์นาเมนต์ก็จะเริ่มต้นขึ้นแล้ว

 

เท่านั้นยังไม่พอ ระหว่างซีเกมส์กำลังดำเนินไป นักเตะในทีมบางคนก็ถูกสโมสรเรียกกลับไปรับใช้ต้นสังกัด เมื่อผลลัพธ์ออกมาแบบนี้ ก็คงหลีกหนีคำถามไม่ได้ว่าเรามีการเตรียมทีมดีพอแล้วหรือยัง

 

ขณะที่สมาคมกีฬาฟุตบอลเวียดนาม พวกเขาแสดงออกเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายอย่างจริงจัง ด้วยการสั่งพักเบรกลีกสูงสุดภายในประเทศอย่าง วี.ลีก 1 ตั้งแต่วันที่ 5 พฤศจิกายน เพื่อหลีกทางให้ทีมชาติชุดซีเกมส์ได้มีเวลาเตรียมมากพอ แม้ว่าจะไม่ใช่วิธีการแบบมืออาชีพสักเท่าไหร่ แต่ท้ายที่สุดแล้วการเตรียมทีม 1 เดือน ก็ทำให้พวกเขาได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ

 

⚽ สภาพความฟิตเป็นรอง

 

ผลกระทบที่ตามมาจากปัจจัยข้างต้น ส่งผลกระทบต่อสภาพร่างกายของนักเตะไทยอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะนัดชิงชนะเลิศ เราจะเห็นเลยว่าครึ่งหลังนักเตะไทย เคลื่อนที่ได้ช้าลง เมื่อเทียบกับเวียดนาม ส่งผลให้แข้งช้างศึกไม่สามารถยืนระยะหรือรักษาสกอร์ได้จนจบการแข่งขัน

 

ในเรื่องนี้ ชนภัช บัวพันธ์ ปราการหลังตัวสำคัญมีปัญหาบาดเจ็บและเปลี่ยนตัวออกตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงแรก ยอมรับหลังจบเกมว่า ทุกคนมีอาการล้าจากการลงแข่งติดต่อกันหลายนัด ทั้งจากโปรแกรมทีมชาติและสโมสร

 

“พวกเรายังต้องกลับไปแข่งกับสโมสร ก่อนจะมาเข้าชิง มันก็มีผลเรื่อยๆ ตั้งแต่รอบรองฯ มาถึงรอบชิงฯ มันมีอาการล้า ก็ต้องยอมรับว่าช่วงนี้ไม่ใช่ช่วงฟีฟ่า เดย์ ทุกคนก็ต้องกลับไปรับใช้สโมสรก่อน”

 

ซึ่งแตกต่างจากนักเตะเวียดนามอย่างชัดเจน เมื่อพวกเขาได้ประตูตีเสมอ 2-2 จะสังเกตเห็นว่าเวียดนามพยายามดึงเกมให้ช้าลง โดยไม่ได้หวังจะชนะใน 90 นาที เป็นเพราะพวกเขามั่นใจว่าในสภาพร่างกายของตัวเองมากว่า ถ้าต้องแข่งลากยาวกันไปถึงช่วงต่อเวลาพิเศษ ก็มีพละกำลังเหลือพอที่จะเอาชนะเราได้ และก็เป็นแบบนั้นจริงๆ เมื่อเวียดนามมาได้ประตูชัยในช่วงต่อเวลาพิเศษ

 

ส่วนไทยจำใจเปลี่ยนนักเตะตัวหลักในแดนกลางออกไปพัก แล้วให้นักเตะตัวสำรองที่มีสภาพร่างกายดีกว่าลงมาเล่นแทน แต่ก็เปลี่ยนผลลัพธ์ในเกมนี้ไม่ได้

 

⚽สมาธิและจิตใจ

 

ครึ่งแรกทุกคนเล่นเข้าขารู้ใจกันมาก แต่ดูเหมือนว่าสกอร์ที่นำห่าง 2-0 ก่อนเบรกพักครึ่งจะทำให้ทุกคนชะล่าใจ เปิดเกมครึ่งหลังมา นักเตะไทยหลายคนดูจะยังไม่พร้อม โดยเฉพาะเกมรับปล่อยให้เวียดนามต่อบอลตามช่องจนเข้ามาถึงในกรอบเขตโทษ เป็นที่มาของการเสียจุดโทษและประตูตีไข่แตกตั้งแต่ 5 นาทีแรกของครึ่งหลัง ซึ่งถือเป็นเวลาสำคัญที่ทุกคนควรมีสมาธิและโฟกัสอยู่เกม เพราะหากพลาดเสียประตู นั่นหมายถึงแท็กติกที่เตรียมมานั้นสูญเปล่า

 

เมื่อเสียประตูเร็วโมเมนตั้มก็เทมาทางฝั่งเวียดนามทั้งหมด จนมาได้ประตูเสมอโดยที่ยังเหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมง เท่ากับว่าความได้เปรียบที่ทำมาในครึ่งแรกหายไปหมดแล้ว

 

“ครึ่งหลังพอเราเสียประตูเร็ว ทำให้ความมั่นใจค่อยๆ ดร็อปลงไป บวกกับครึ่งหลังเวียดนามเขามาด้วยความมุ่งมั่นด้วยครับ” ชนภัช บัวพันธ์ กล่าว

 

ขณะที่ ยศกร บูรพา ศูนย์หน้าดาวซัลโว 7 ประตู ให้สัมภาษณ์ในทำนองเดียวกันว่า ทีมเสียสมาธิกัน ทำให้โดนเวียดนามไล่คืนมาได้ไว เสียถึงโมเมนตัมเกมไปในที่สุด

 

⚽ซีเกมส์ 2027 จะเป็นแชมป์ก็ไม่ง่าย

 

ถึงตรงนี้เท่ากับว่าฟุตบอลชายไทยจะพลาดเหรียญทองซีเกมส์ไปอย่างน้อย 10 ปี ซึ่งเป็นช่วงเวลายาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ที่ห่างหายจากการคว้าเหรียญทอง (ก่อนหน้านี้เคยพลาดแชมป์นานสุด 3 สมัยติดต่อกัน ปี 1985-1993) โดยอีก 2 ปีข้างหน้า มาเลเซียดีกรีแชมป์ฟุตบอลชาย 6 สมัย จะรับหน้าที่เป็นเจ้าภาพซีเกมส์ ซึ่งก็ไม่ใช่ง่ายของไทยเหมือนกัน

 

เพราะมาเลเซียพวกเขาเองก็ห่างหายจากตำแหน่งแชมป์มาตั้งแต่ปี 2011 และเข้าชิงฯ หนสุดท้ายปี 2017 ที่เป็นเจ้าภาพ แต่ครั้งนั้นแพ้ให้กับไทย ซึ่งนั่นคือแชมป์หนล่าสุดของขุนพลช้างศึก

 

ขณะเดียวกัน มาเลเซียเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องการเชียร์ฟุตบอลอยู่แล้ว แถมสนามกีฬาฟุตบอลในเมืองยะโฮร์ก็ยังจุผู้ชมได้ราว 40,000 คน เชื่อว่ามาแน่นล้นสนามและพร้อมข่มขวัญผู้มาเยือนแน่ๆ

 

นั่นหมายความว่าซีเกมส์ 2027 คู่แข่งแย่งเหรียญทองของไทยจะมีมากขึ้น เวียดนาม, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย

 

เหรียญทองซีเกมส์ 2027 ที่มาเลเซียอาจดูไกลตัวในตอนนี้ แต่หากเรายังไม่เรียนรู้จากความผิดหวังซ้ำๆ อีก 2 ปีข้างหน้า เราอาจต้องพบกับความช้ำใจที่ยาวนานกว่าเดิม…

 

ภาพ: ช้างศึก – ฟุตบอลทีมชาติไทย

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising