×

ความมั่นคงทางอาหารของไทย ‘จุดแข็ง’ ที่กำลังถูกสั่นคลอน

13.12.2025
  • LOADING...
ความมั่นคงทางอาหารของไทย ‘จุดแข็ง’ ที่กำลังถูกสั่นคลอน

HIGHLIGHTS

  • ไทยมีภูมิประเทศที่ดี มีที่ราบลุ่มเหมาะเพาะปลูกการเกษตรจนได้ผลิตภาพที่มีความหลากหลาย บริโภคเพียงพอ และพร้อมส่งต่อหลายประเทศ และมีดัชนีความมั่นคงทางด้านอาหารอันดับ 51 ของโลก
  • กระทรวงพาณิชย์ปรับกลยุทธ์การค้าใช้เรื่องความมั่นคงทางอาหารที่ยั่งยืนเป็นจุดขายให้คู่ค้า แต่เราจะสามารถเป็นเช่นนั้นได้จริงหรือไม่ เพราะตามหลัก ต้องประกอบด้วย 4 มิติ อาหารเพียงพอ – การเข้าถึง – ใช้ประโยชน์ – เสถียรภาพอาหาร
  • อะไรคืออุปสรรคทำให้ไทยอาจจะไม่ได้เป็น Food Security ได้ หากไม่มีการตั้งรับและบริหารจัดการอย่างยั่งยืน ตั้งแต่ Climate Change เสียพื้นที่เพาะปลูกให้กับการขยายของสังคม หรือการอ่อนแอของรัฐยามเกิดภัยพิบัติ
  • แล้วเราจะมีวิธีแก้ไขหรือช่วยกันบูรณาการอย่างไร เพื่อให้สามารถเป็น Food Security ได้อย่างยั่งยืนแท้จริง โดยเฉพาะการผนวกวิถีเกษตรแบบเก่าและเทคโนโลยี เข้าด้วยกัน

ไทยคือเมืองอู่ข้าวอู่น้ำคำบอกเล่าจากคนรุ่นก่อน จนสามารถส่งออกสินค้าเกษตรได้เป็นอย่างดี แม้ปัจจุบันบางรายการอาจเสียอันดับให้ประเทศอื่นไป และกระทรวงพาณิชย์พร้อมใช้จุดแข็งนี้เป็นกลยุทธ์ในการเจรจาต่อรองทางการค้าว่า ไทยมี ‘ความมั่นคงทางอาหารอย่างยั่งยืน’ (Food Security) สามารถรองรับทั้งการบริโภคภายในประเทศและพร้อมส่งออกให้ประเทศอื่นด้วย ซึ่งจากดัชนีความมั่นคงทางด้านอาหาร (Global Food Security Index: GFSI) ที่มีการรายงานไว้ปีล่าสุดคือ 2021 พบว่า ประเทศไทยอยู่ในลำดับที่ 51 ของโลกจากทั้งหมด 113 ประเทศ

 

ความมั่นคงทางอาหารที่ยั่งยืน

 

ตามหลักขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ระบุความมั่นคงทางอาหาร (Food Security) ประกอบด้วย 4 มิติ

 

  • การมีอาหารเพียงพอ (Food Availability) ซึ่งมาจากการผลิตในประเทศ การนำเข้า หรือการช่วยเหลือ
  • การเข้าถึงอาหาร (Food Access) ทั้งเชิงกายภาพและเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงการมีทรัพยากรและสิทธิ์ในการหาอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ
  • การใช้ประโยชน์จากอาหาร (Food Utilization) ร่างกายสามารถนำสารอาหารไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้ จากที่มีอาหารเพียงพอ น้ำสะอาด และสุขอนามัยที่ดี
  • เสถียรภาพของอาหาร (Food Stability) เข้าถึงอาหารอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ โดยไม่มีความเสี่ยงที่จะขาดแคลนในระยะยาว จากปัจจัยต่างๆ เช่น ภาวะเศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงของฤดูกาล หรือภัยพิบัติทางธรรมชาติ

 

ขณะที่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ตามองค์การสหประชาชาติตกลงกันทั้งหมด 17 ข้อ คือ เป้าหมายที่ 2 ยุติความหิวโหยบรรลุความมั่นคงทางอาหารและยกระดับโภชนาการ และส่งเสริมเกษตรกรรมที่ยั่งยืน (Zero Hunger) เพราะมีผลต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ทุกคน ช่วยพัฒนาการทางร่างกายและสติปัญญาเหมาะสมตามวัย และมีส่วนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมได้อย่างเต็มศักยภาพ การมีโภชนาการจำเป็นในระดับที่เหมาะสมเพื่อป้องกันการเกิดภาวะทุพโภชนาการ โดยเฉพาะในกลุ่มคนยากจนและผู้ที่อยู่ในสถานการณ์เปราะบาง เช่น คนพิการ คนชรา และทารก

 

นอกจากนั้น ควรสนับสนุนให้มีระบบเกษตรกรรมยั่งยืนที่คำนึงถึงคุณภาพชีวิตของเกษตรกร ความปลอดภัยของผู้บริโภค การเพิ่มผลิตภาพของภาคเกษตร ความสมดุลของระบบนิเวศ ความมั่นคงของฐานทรัพยากร และความหลากหลายทางชีวภาพ รวมทั้งการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ภัยพิบัติ และความผันผวนของราคาสินค้าเกษตร

 

จุดแข็งของไทย

 

ไทยมีอาหารที่เพียงพอและเกินความต้องการการบริโภคภายในประเทศและเป็นผู้ส่งออกอาหารที่สำคัญของโลกซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานหลัก ตั้งแต่ ข้าว ผัก-ผลไม้ สัตว์เลี้ยงเพื่ออาหาร

 

  • ภูมิประเทศ เพราะเป็นพื้นที่ราบลุ่มเป็นส่วนใหญ่แม่น้ำ มีปริมาณน้ำฝนที่ดี นอกจากนั้น ยังมีความหลากหลายของผลผลิตจากสภาพภูมิประเทศที่มีความอุดมสมบูรณ์และมีความหลากหลายทางชีวภาพของพืชผลและสัตว์ (Bio-diversity) สูง จึงสามารถปรับตัวและผลิตสินค้าทดแทนได้ดีกว่าประเทศที่ผลิตพืชผลหลักเพียงไม่กี่ชนิด

 

  • โครงสร้างพื้นฐานทางการเกษตร เช่น ระบบชลประทาน และมีศักยภาพความมั่นคงในการเป็นผู้ผลิตอุปทาน (Supply Stability) ที่เป็นปัจจัยสนับสนุนให้ไทยเป็นครัวของโลกจากการสำรองสินค้าเกษตรได้ในระดับที่มั่นคง ยามเกิดความเสี่ยงภาวะขาดแคลนอาหารอย่างเฉียบพลัน

 

  • คลังอาหารให้เพื่อนบ้าน ด้วยพื้นที่ตรงกลางเชื่อมต่อกับหลายประเทศ ทำให้ไทยเป็นแหล่งสำรองอาหารที่สำคัญของระดับภูมิภาคหรือเพื่อนบ้านได้อย่างดี อีกทั้งมีระบบโลจิสติกส์ที่เอื้ออำนวยตั้งแต่ทางบก ทางอากาศ หรือทางเรือ แม้มีข้อจำกัดทางรถไฟที่อาจน้อยกว่าเพื่อนบ้าน

 

จากข้อมูลสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ปี 2566 พื้นที่เกษตร 44.2 % ของพื้นที่ประเทศ โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่มีพื้นที่เกษตรมากที่สุด แต่ภาคกลางมีพื้นที่เฉลี่ยต่อรายสูงสุด จากการปลูกข้าว พืชไร่ ยางพารา พืชยืนต้น/ไม้ผล และเลี้ยงสัตว์ /พืชผัก /สวนป่า แม้สัดส่วนการส่งออกสินค้าเกษตร ณ ไตรมาส 3/2568 ลดลง 4.1 % เป็นการลดลงต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้าที่ลดลง 1.5 % ตั้งแต่ ข้าวลดลง 27 % หรือยางพาราลด 21.4 %

 

อุปสรรคการเป็น Food Security

 

  • ความไม่เท่าเทียมการเข้าถึงอาหาร แม้ไทยมีบริบทและศักยภาพเอื้อต่อการผลิตอาหารมาก แต่ต้องยอมรับว่าการเข้าถึงอาหารจากการกระจายรายได้และความสามารถในการซื้ออาหารที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ในบางชุมชนเมือง อย่างครัวเรือนที่มีรายได้น้อยที่อาจได้รับคุณภาพโภชนาการและเจอปัญหาความปลอดภัยของอาหาร

 

  • ความอ่อนแอของรัฐและท้องถิ่นอ่อนแอ ซึ่งเห็นตัวอย่างชัดเจนมากในครั้งล่าสุดกับเหตุการณ์น้ำท่วมพื้นที่ภาคใต้ของไทยเพราะการทำงานที่ไม่เป็นระบบ ตั้งแต่ระบบการเตือนภัย การสื่อสาร การบริหารงานแบบรวมศูนย์ในยามวิกฤต ทำให้เห็นชัดว่า ถ้าไม่รีบปรับปรุงหรือแก้ไขอย่างเร่งด่วน ภัยพิบัติที่มากขึ้นในอนาคต ประชาชนก็มีความเสี่ยงในการเข้าถึงอาหารอีก

 

  • ความสูญเสียระหว่างห่วงโซ่อุปทาน ทั้งจากแปลงเกษตรไปสู่การผลิตอาหารที่ทำให้เกิดขยะ(Food Loss) โดยรวมยังอยู่ในอัตราที่สูง รวมถึงโอกาสในการรักษาคุณภาพผลผลิตในพื้นที่ห่างไกล และการเพิ่มคุณค่าด้านการแปรรูปที่ยังไม่เพียงพอ

 

  • สภาพภูมิอากาศที่ผันผวน (Climate Change) ที่มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นทั้งจากภาวะการเกิดลานีญา เอลนีโญ มีรอบสั้นและรุนแรงกว่าในอดีต ซึ่งย่อมส่งผลกระทบกับความยืดหยุ่นในการสร้างระบบอาหารอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำให้การสร้างผลผลิตไม่เป็นไปตามฤดูกาลเหมือนในอดีต

 

  • เกษตรกรรมที่ขาดการเชื่อมต่อและสนับสนุน เกษตรกรส่วนใหญ่เป็นวัยสูงอายุและคนรุ่นใหม่ให้ความสนใจน้อยลงต่อเนื่องทุกปี ประกอบกับระบบรายได้ของเกษตรส่วนใหญ่ยังเป็นระบบเก่าที่รายจ่ายสวนทางกับรายได้ส่งผลให้มีหนี้ครัวเรือนอัตราสูงอยู่ ที่สำคัญยังจากการส่งเสริมและสนับสนุนระบบเทคโนโลยีการผลิตให้กับเกษตรกรน้อยกว่าที่ควรจะเป็น

 

  • การสูญเสียพื้นที่เกษตรในการพัฒนาสังคมเมือง จากที่เห็นโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่เริ่มขยายไปยังพื้นที่ต่างจังหวัดมากขึ้น ขณะที่ครัวเรือนย่อยพร้อมหาพื้นที่สำรองเป็นเหมือนที่หลบภัย หากไม่มีการจัดระบบที่ดี อาจทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมา ตั้งแต่ เกิดการพังทลายหน้าดินหรือขวางทางน้ำไหลหากเกิดฝนตกชุก และเป็นวงจรของภัยพิบัติจนเป็นอุปสรรคการใช้ประโยชน์และการเข้าถึงอาหารอีก

 

‘นวัตกรรม’ ตัวช่วย Food Security

 

ประเทศอินเดียพัฒนานวัตกรรมด้านความมั่นคงทางอาหารและโภชนาการที่ขับเคลื่อนด้วย AI เช่น ตู้กดข้าวสารอัตโนมัติ Annapurti Grain ATM ซึ่งเป็นเครื่องจ่ายสินค้าหลายชนิดแบบอัตโนมัติที่ใช้การยืนยันตัวตนด้วยไบโอเมตริก เพื่อให้สามารถเข้าถึงปันส่วนอาหารได้อย่างรวดเร็ว ประชาชนที่เข้าถึงระบบการกระจายอาหารสาธารณะแบบเจาะจงเป้าหมายของอินเดีย สามารถรับธัญพืชได้สูงสุด 25 กิโลกรัม ภายใน 40 วินาที ด้วยความแม่นยำเกือบ 100 % เปอร์เซ็นต์ ซึ่งโครงการนี้กำลังขยายผลด้วยการสนับสนุนจาก Ericsson India

 

ข้อมูลจากศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ระบุว่า การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี AI ในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม นอกจากจะช่วยลด Food Loss แล้ว ยังช่วยสร้างความมั่นคงทางอาหาร และลดความกังวลด้านมาตรฐานความปลอดภัยทางอาหาร (Food Safety) ที่เข้มงวดของประเทศคู่ค้า รวมถึงแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงานในภาคการผลิต อีกทั้งยังช่วยให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายการมีส่วนร่วมของประเทศในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตาม Nationally Determined Contribution (NDC)

 

ไทยเป็นประเทศผู้ส่งออกอาหารมากเป็นอันดับที่ 12 ของโลก แต่เผชิญปัญหาการสูญเสียอาหารตั้งแต่หลังกระบวนการเก็บเกี่ยวจนก่อนถึงมือผู้บริโภคราว 17% ของปริมาณอาหารที่ผลิต คิดเป็นมูลค่าความสูญเสียกว่า 200,000 ล้านบาทต่อปี เป็นแรงผลักดันที่ทำให้ไทยจำเป็นต้องมีการลงทุนในเทคโนโลยีการผลิตสมัยใหม่อย่างเทคโนโลยี AI เพื่อยกระดับการผลิตในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มของไทยให้มีความยั่งยืนมากขึ้น และขาดการสนับสนุนในการเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ในระยะยาว เสี่ยงที่อุปทานเกิดการชะงักงัน

 

เอเชียแปซิฟิกยังเป็นพื้นที่ความขัดแย้ง-ภัยธรรมชาติ-ความเหลื่อมล้ำ

 

จาก WFP 2026 Global Outlook ที่เพิ่งออกมาเดือน ตุลาคม 2025 ระบุว่า โครงการอาหารโลก (WFP) ยังมีบทบาทสำคัญในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก เพราะยังเป็นพื้นที่มีความขัดแย้ง ภัยพิบัติทางธรรมชาติ และความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ มีประชาชน 69 ล้านคนกำลังเผชิญกับความไม่มั่นคงทางอาหารอย่างรุนแรง ขณะที่ 1,666 ล้านคน ไม่สามารถเข้าถึงอาหารที่มีประโยชน์และดีต่อสุขภาพได้ โดยภูมิภาคเอเชียเป็นที่อยู่ของเด็กที่มีภาวะเตี้ยแคระแกร็นมากกว่าครึ่งหนึ่งของโลก หรือ 52 % มีเด็กที่มีภาวะทุพโภชนาการรุนแรง 70 % และผู้ใหญ่ที่มีน้ำหนักเกิน 41 %

 

3 ปัจจัยท้าทายความมั่นคงทางอาหารทั่วโลกปี 2569

 

จากรายงาน Food Security Update ฉบับที่ 119 ของธนาคารโลก ณ ตุลาคม 2568 ได้ระบุว่าสิ่งที่ท้าทายในสถานการณ์ต่อเรื่องความมั่นคงทางอาหารมี อยู่ 3 ปัจจัย คือ ภัยพิบัติ ภาวะเงินเฟ้อของราคาอาหารที่อยู่ในระดับสูงปานกลาง และโภชนาการของเด็กที่มีภาวะน้ำหนักเกินแซงหน้าภาวะผอมบางซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในประเทศที่มีรายได้น้อยถึงปานกลางซึ่งทำให้เกิดภาระโภชนาการซ้ำซ้อน

 

สำหรับการผลิตแนวโน้มตลาดโลกและการผลิต ราคาข้าวต่างๆ มีโอกาสลดลงจากอุปทานเพื่อการส่งออกที่มาก โดยเฉพาะราคาข้าวสาลีลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี ขณะที่เอเชียตะวันออกและแปซิฟิกแนวโน้มการผลิตทางการเกษตรยังคงเป็นบวก จากรัฐบาลอินโดนีเซียได้จัดสรรงบประมาณ 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับความมั่นคงทางอาหารในปี 2569 ส่วนฟิลิปปินส์พืชผลได้รับความเสียหายอย่างมาก โดยเฉพาะการสูญเสียข้าวไป 216,600 เมตริกตัน จากพายุหมุนเขตร้อน 5 ลูกและมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ เมียนมาความขัดแย้งและการพลัดถิ่นที่เพิ่มขึ้นทำให้เกิดความท้าทายด้านมนุษยธรรมอย่างรุนแรง โดยมีผู้พลัดถิ่นเกือบ 3.6 ล้านคน

 

ไทยคือประเทศที่มีทรัพยากรสมบูรณ์มากมายภูมิประเทศที่ตั้งก็เหมาะสม แต่อะไรคือสิ่งที่ทำให้ประเทศสูญเสียการเป็นแหล่งอาหารที่ยั่งยืนและประชาชนเข้าถึงสิ่งนี้ได้ นั่นคือสิ่งที่ทำให้ทุกคนต้องช่วยหาคำตอบ

 

ภาพ: Andrew Merry/Getty Images

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising