ตลาดรถ EV ไทยพุ่งสุดขีด คาดปีหน้ายอดขายแตะ 2.2 แสนคัน หวั่นจุดชาร์จไม่พอ

ปี 2023 ถือเป็นปีที่กลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าเติบโตอย่างก้าวกระโดด รวมทั้งมีบริษัทรถยนต์รายใหม่เข้ามาลงทุนในไทย โดยเฉพาะแบรนด์จากประเทศจีน ที่เข้ามาชิงส่วนแบ่งตลาดรถยนต์มากขึ้น โดยข้อมูลจากกรมการขนส่งทางบกรายงานยอดจดทะเบียนกลุ่มรถยนต์นั่งส่วนบุคคลพบว่า มีจำนวนรถยนต์ไฟฟ้ารวมอยู่ที่ 76,314 คัน เมื่อเทียบปี 2022 อยู่ที่ 9,729 คัน

กฤษฎา อุตโมทย์ นายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าแห่งประเทศไทย (EVAT) ให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg ถึงภาพรวมตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทยว่า ยอดขายรถยนต์ในปี 2024 อาจเพิ่มขึ้น 2 เท่า เนื่องจากบริษัทผู้ผลิตรถยนต์จากจีนเข้ามาทำตลาดในไทยเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ ความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าในไทยนั้นเพิ่มสูงขึ้น ภายหลังรัฐบาลออกมาตรการสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้า ทำให้ผู้ผลิตรถที่เข้าร่วมกับรัฐบาลได้สิทธิประโยชน์ต่างๆ ทั้งลดภาษีนำเข้า ภาษีสรรพสามิต และเงินอุดหนุนสำหรับผู้ผลิต โดยมีเงื่อนไขต้องตั้งโรงงานและเดินสายการผลิตในประเทศไทย ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นการสร้างความเชื่อมั่นและตอกย้ำถึงประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในระดับภูมิภาค

ปัจจุบันประเทศไทยมีรถยนต์ไฟฟ้าจำหน่ายแล้ว 90,000 คัน และอีก 54,000 คันเป็น Plug-in Hybrid โดยทางคณะกรรมการยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติมีแผนที่จะปรับโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับจำนวนรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังมีแผนเพิ่มสถานีชาร์จสาธารณะมากกว่า 8,700 แห่งใน 2,200 สถานที่ทั่วประเทศ

“ปีนี้เราจะได้เห็นการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าครั้งแรกในโลกที่ประเทศไทยจากผู้ผลิตหลายรายที่เข้าร่วมมาตรการส่งเสริมจากรัฐบาล ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการซื้อของประชาชนมากขึ้น ทั้งนี้ คาดการณ์ว่ายอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าอาจเพิ่มขึ้นเป็น 225,000 คันในปี 2025 ซึ่งบรรลุเป้าหมายที่กำหนดโดยคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ” กฤษฎากล่าว

แม้ว่ายอดขายรถยนต์ไฟฟ้าจะเติบโตสูงขึ้นต่อเนื่อง แต่ศูนย์วิจัยธนาคารกสิกรไทยเผยแพร่วิจัยเมื่อเดือนตุลาคม 2023 ว่า จำนวนสถานีชาร์จไฟสาธารณะมีจำนวนไม่เพียงพอตามยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า ทำให้ประชาชนบางส่วนยังชะลอการซื้อ ประเทศไทยมีอัตราการใช้ 16.5 คัน ต่อ 1 หัวชาร์จ ต่างจากยุโรปที่มีอัตราส่วน 15.9 คัน ต่อ 1 หัวชาร์จ และอาจทำให้มาเลเซียและอินโดนีเซียมีอัตราการเติบโตแซงไทยก็เป็นได้

อีกด้านคือการลงทุนสร้างโรงงานประกอบในประเทศไทยในปี 2024 จะเป็นผู้ผลิตรถจากจีนเริ่มเดินสายการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า อย่างเช่น GWM ได้ประเดิมด้วยการเปิดตัว ORA Good Cat รถยนต์ไฟฟ้าคันแรกที่ผลิตจากโรงงานในไทยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นอกจากนี้ยังผู้ผลิตรายอื่น เช่น BYD, NETA และ MG ที่เตรียมประกอบรถยนต์ไฟฟ้าภายในปีนี้

แม้เงินสนับสนุนสำหรับผู้ผลิตรถที่เข้าร่วมมาตรการของรัฐจะลดลง แต่ประเทศไทยกลับเป็นประเทศสำคัญในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจะเข้ามาลงทุนในระยะยาว ซึ่งเชื่อว่าไทยมีศักยภาพในการเติบโตและการแข่งขันจะรุนแรงแบบไม่มีใครยอมใคร

“ไม่มีใครอยากถูกทิ้งที่ชานชาลาในวันที่รถไฟที่มีชื่อว่า EV เคลื่อนขบวนไปแล้ว” กฤษฎากล่าวปิดท้าย

ข้อมูลจากสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย Electric Vehicle Association of Thailand หรือ EVAT ระบุว่า ยานยนต์ไฟฟ้า BEV เติบโตแบบก้าวกระโดด 380% และแซงยานยนต์ไฮบริด HEV แล้ว โดยยานยนต์ไฟฟ้า BEV ใหม่เพิ่มขึ้นจาก 20,816 คันในปี 2022 เป็น 100,219 คันในปี 2023 เติบโต 380%

ลำดับของประเภทยานยนต์ไฟฟ้า BEV ในการจดทะเบียนใหม่จากมากไปน้อย มีดังนี้

รถยนต์ไฟฟ้า BEV (76,366 คัน)
รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า BEV (21,927 คัน)
รถโดยสารไฟฟ้า BEV (1,218 คัน)
รถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้า BEV (432 คัน)
รถบรรทุกไฟฟ้า BEV (276 คัน)

โดยยานยนต์ไฟฟ้า BEV สะสมปี 2023 เพิ่มขึ้นเป็น 131,856 คัน จาก 32,081 คันในปี 2022 เติบโต 311% โดยยอดสะสมในปี 2023 เพิ่มขึ้นทุกประเภท ดังนี้

รถยนต์ไฟฟ้า BEV จาก 13,805 คันในปี 2022 เป็น 90,022 คันในปี 2023 เติบโต 552%
รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า BEV จาก 16,540 คันในปี 2022 เป็น 38,211 คันในปี 2023 เติบโต 131%
รถโดยสารไฟฟ้า BEV จาก 1,212 คันในปี 2022 เป็น 2,419 คันในปี 2023 เติบโต 99%
รถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้า BEV จาก 498 คันในปี 2022 เป็น 901 คันในปี 2023 เติบโต 80%
รถบรรทุกไฟฟ้า BEV จาก 26 คันในปี 2022 เป็น 303 คันในปี 2023 เติบโต 1,065%

และในปี 2023 ตัวเลขยอดจดทะเบียนยานยนต์ใหม่ BEV จำนวน 100,219 คัน สูงกว่า PHEV อยู่ที่ 11,703 คัน ตามที่คาดการณ์ไว้ปีที่แล้ว ยอดจดทะเบียนสะสมของ BEV แซง PHEV เป็นที่เรียบร้อย

ในปี 2023 ยานยนต์ไฟฟ้า BEV รวมทุกประเภท มีตัวเลขยอดจดทะเบียนใหม่จำนวน 100,219 คัน แซงยานยนต์ไฮบริด HEV รวมทุกประเภทจำนวน 85,069 คัน แต่ในประเภทรถยนต์ไฮบริด HEV มียอดจดทะเบียนใหม่อยู่ที่ 84,476 คัน ยังสูงกว่ารถยนต์ไฟฟ้า BEV อยู่ที่ 76,366 คัน

อ้างอิง: