วันนี้ (10 พฤษภาคม) ที่สำนักงานเทศบาลนครหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ อิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงกรณีที่มีหมายเชิญสมาชิกวุฒิสภา (สว.) มาชี้แจงเรื่องการฮั้วเลือกสว. ว่า เป็นเอกสารแจ้งข้อกล่าวหา เป็นการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนของ กกต. ที่ กกต. ตั้งขึ้นเป็นพิเศษ คือ คณะที่ 26 มี ร.ต.อ. ชนินทร์ น้อยเล็ก รองเลขาธิการ กกต. เป็นประธาน และขอความร่วมมือเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) มาช่วยด้วย เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง
เมื่อตรวจสอบพยานหลักฐานเบื้องต้นแล้วพบว่า สามารถนำไปสู่การแจ้งข้อกล่าวหาได้ จึงได้มีการดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาด้วยการทำหนังสือนัดหมาย กำหนดเวลาให้บุคคล 53 คนตามข่าว มารับทราบข้อกล่าวหาและให้โอกาสชี้แจง แสดงหลักฐานของตัวเอง
การแจ้งให้มาชี้แจงสามารถทำได้ 3 ช่องทาง คือ 1. ยื่นหนังสือทางไปรษณีย์ 2. คณะกรรมการฯ ไปยื่นด้วยตัวเอง และ 3. ติดหมายเรียกไว้หน้าบ้านกรณีไม่พบเจ้าตัว ซึ่ง สว. ที่ได้รับหมายเรียกต้องเข้าไปชี้แจงกับคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนคณะที่ 26 ที่สำนักงาน กกต.
สำหรับกรอบระยะเวลาการพิจารณาหลังจาก สว. เข้ามาชี้แจงแล้ว อิทธิพรกล่าวว่า กรอบเวลาของคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนฯมีเวลา 90 วัน แต่สามารถขยายได้ หากเกี่ยวข้องกับหลายบุคคล และเมื่อผู้ถูกกล่าวหาเข้ามาชี้แจงแล้วก็จะมีการประมวล พิจารณาวินิจฉัย และเสนอความเห็นไปยังเลขาธิการ กกต. ซึ่งกรอบเวลาของเลขาธิการ กกต. มีเวลาพิจารณาอีก 60 วัน
จากนั้นจะเข้าสู่ที่ประชุม กกต.โดยผ่านการพิจารณาของอนุกรรมการวินิจฉัยพิจารณากลั่นกรอง เพื่อเสนอความเห็นให้ กกต. ตัดสิน และหากที่ประชุม กกต. เห็นว่าไม่จำเป็นต้องสอบเพิ่มเติมเนื่องจากข้อมูลหลักฐานไม่เพียงพอก็ยุติเรื่อง แต่หากพบว่ามีความผิดจริงก็ส่งศาลฎีกา แผนกคดีเลือกตั้ง และเข้าสู่กระบวนการของศาลต่อไป ซึ่งถ้าศาลรับคำร้องไว้ก็จะส่งผลให้สว.ต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่
ส่วนกรอบระยะเวลาการพิจารณาคำร้องที่ต้องดำเนินการให้เสร็จภายใน 1 ปีนั้น เป็นการกำหนดเอาไว้เพื่ออำนวยความยุติธรรมให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องแต่ไม่กระทบกับการสืบสวนไต่สวนใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งสามารถยืดหยุ่นและขยายเวลาได้ ในฐานะที่เป็นหน่วยงานก็ไม่อยากล่าช้า เนื่องจากต้องมีเหตุผล
ส่วนจะมีการเรียก สว. มาชี้แจงเพิ่มจากที่เรียกไปรอบแรก 53 คนหรือไม่ อิทธิพรกล่าวว่า ต้องขึ้นอยู่กับหลักฐานที่คณะกรรมการฯชุดที่ 26 เป็นผู้พิจารณา การจะให้ข่าวออกไปตอนนี้คงไม่เหมาะสม ทั้งนี้ในหมายเรียกไม่ใช่มีความผิดแต่มีพฤติการณ์ที่อาจจะเป็นการฝ่าฝืน การตัดสินว่าใครผิดหรือไม่ผิดเป็นหน้าที่ศาล
เมื่อถามว่า ทำไม DSI เข้ามาแล้วดำเนินการได้เร็วกว่าที่ กกต. ทำเอง ประธานกกต.กล่าวว่า มีบางเรื่องที่กกต.มีพยานหลักฐานไม่มากเท่ากับที่ DSI มี และเมื่อเชิญเข้ามาบวกกับพยานหลักฐานที่ DSI มีอยู่แล้วก็ทำให้ไม่ช้า ซึ่งคำร้องของ สว. มีทั้งหมดประมาณ 577 คำร้อง ทำเสร็จไปแล้ว 300 กว่าเรื่อง