วันนี้ (2 พฤษภาคม) อิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงกรณี ถูกแจ้งความดำเนินคดีด้วยข้อกล่าวหาว่า ร่วมกับเจ้าหน้าที่ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) วิ่งเต้นจ่ายเงินเพื่อเลื่อนตำแหน่ง ด้วยวงเงิน 300,000 บาท ว่า ยังไม่ได้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ และเพิ่งทราบข่าวเหมือนกัน ซึ่งเห็นว่า เรื่องนี้มีกระบวนการตรวจสอบที่รองรับอยู่แล้ว ดังนั้น จึงให้เป็นไปตามกระบวนการ ตอนนี้จะให้ข้อคิดเห็นหรือข้อเท็จจริงสรุปอะไร อาจจะไม่เป็นธรรม
ประธาน กกต. ยอมรับว่า การถูกแจ้งความอาจมีส่วนกระทบกับการทำหน้าที่ของ กกต. ถ้าพิสูจน์แล้วว่ามีการกระทำผิดก็ต้องรับผิดชอบ แต่ถ้ายังไม่มีการตรวจสอบ ก็ยังไม่ถึงเวลาที่จะพูด พร้อมย้ำว่า เราไม่ได้ดำเนินการอะไร เพราะมีกลไกตรวจสอบอยู่แล้ว และยังไม่สามารถตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบได้ เพราะต้องมีกฎหมายรองรับ
ส่วนได้มีการพูดคุยกันใน กกต. หรือไม่ อิทธิพรระบุว่า ก็คุยกันเฉยๆ พูดคุยกันตามปกติ ปกติเราก็ให้เกียรติและเคารพซึ่งกันและกันอยู่แล้ว พร้อมย้ำว่า เรื่องนี้มีกระบวนการตรวจสอบรองรับอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อวานนี้ (30 เมษายน) กลุ่ม สว.ในบัญชีรายชื่อสำรอง นำโดย พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว ได้เปิดเผยว่า ฐิติเชฏฐ์ นุชนาฏ กกต. ถูกกล่าวหาว่า ไปร่วมกับเจ้าหน้าที่ของ สตง. ในการวิ่งเต้น และการสอบเลื่อนตำแหน่งต่างๆ โดยเป็นการไปจ่ายเงิน 300,000 บาท ซึ่งถูกผู้ว่าการ สตง. แจ้งความดำเนินคดีที่ สน.บางซื่อ มีการลงบันทึกประจำวันเมื่อเดือน มีนาคม 2567 ระบุชัดเจนว่า ฐิติเชษฐ์ เป็นผู้ต้องหาคนที่ 1
พล.ต.ท.คำรบระบุว่า หากเราเป็นข้าราชการแล้วถูกต้องคดี อาจถูกผู้บังคับบัญชาตั้งคณะกรรมการทางวินัย พักราชการซึ่งอาจจะถูกสั่งพักราชการหรือออกจาก ราชการไว้ก่อน แล้วแต่โทษทัณฑ์หรือลักษณะของข้อกล่าวหา แต่เนื่องจากว่า กกต. อาจจะไม่มีระเบียบวางไว้อย่างชัดเจนว่าจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไร จึงขึ้นอยู่กับคุณธรรมประจำใจของ กกต. แต่ละคนว่าจะพิจารณาอย่างไร ซึ่งตาม พ.ร.ป.ว่าด้วย กกต. มาตรา 10 ระบุลักษณะต้องห้ามของ กกต. โดยมีข้อหนึ่งระบุว่า จะต้องเป็นผู้ที่มีพฤติการณ์อันไม่เป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมร้ายแรง ซึ่งตามข้อกล่าวหาของท่านเข้าข่ายละเมิดจริยธรรมข้อนี้อย่างร้ายแรง ฉะนั้นพวกเราในกลุ่ม สว.สำรองก็มีความรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากฐิติเชฏฐ์เป็นกรรมการท่านหนึ่งที่จะต้องพิจารณาในกรณีดังกล่าว
