×

SCB EIC ชี้เศรษฐกิจไทยโต 1.8% ปีนี้ และปีหน้าโต 1.5% แต่ในครึ่งหลังโตไม่ถึง 1% เสี่ยงถดถอยทางเทคนิค แนะรัฐบาลเร่งฟื้นเชื่อมั่น กระตุ้นตรงจุด และปฏิรูปโครงสร้าง

30.09.2025
  • LOADING...
thai-economy-1percent-recession-3s-policy

เศรษฐกิจไทยเจอความท้าทายรอบด้าน ข้างนอกพึ่งพายาก ข้างในเปราะบาง เป็นโจทย์ท้าทายของรัฐบาลใหม่ในการฟื้นความเชื่อมั่น กระตุ้นเศรษฐกิจ และวางรากฐานของการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงการยกระดับการลงทุนของประเทศท่ามกลางโลกแบ่งขั้ว 

 

SCB EIC มองเศรษฐกิจไทยโต 1.8% ปีนี้ และชะลอลงเหลือ 1.5% ในปี 2569 โดยช่วงครึ่งหลังของปีนี้อาจโตเฉลี่ยไม่ถึง 1% และยังเสี่ยง Technical recession 

แรงส่งหลักของเศรษฐกิจจะแผ่วลง ความท้าทายภายนอกและภายในจะมาพร้อมข้อจำกัดการคลังที่มากขึ้น

 

เศรษฐกิจไทยจะพึ่งพาโลกได้ยากขึ้น

  • สงครามการค้า : ภาษีสหรัฐฯ 19% เริ่มกดดัน ส่งออกไทยไปสหรัฐฯ ชะลอลง สินค้าหลายกลุ่มเริ่มหดตัวและมีแนวโน้มหดตัวต่อเนื่อง
  • บาทแข็งนำสกุลอื่น : แข็งสุดตั้งแต่เกิดวิกฤติปี 2540 ไม่สอดคล้องปัจจัยพื้นฐาน ยิ่งกดดันส่งออกและท่องเที่ยว 
  • นักท่องเที่ยวต่างชาติยังต่ำกว่าปีก่อน มีสัญญาณพ้นจุดต่ำสุด : นักท่องเที่ยวใช้จ่ายระวังขึ้น ไทยอาจเสียเปรียบคู่แข่งจากบาทแข็ง

 

ภายในประเทศจะเปราะบางขึ้น

  • ธุรกิจ SMEs เปราะบาง : รายได้เฉลี่ยยังต่ำกว่าก่อนโควิด กำไรต่ำ บริษัท “ผีดิบ” เพิ่มขึ้น
  • ตลาดแรงงานเริ่มอ่อนแอ : ว่างงานบางกลุ่มสูงขึ้น ชั่วโมงทำงานลด รายได้ลดลง
  • ข้อจำกัดการคลัง : เสี่ยงเบิกจ่ายช้า หนี้สาธารณะใกล้แตะเพดาน เสี่ยงถูกลดอันดับเครดิตประเทศ

 

SCB EIC มอง กนง. จะลดดอกเบี้ยอีกครั้งในปีนี้เหลือ 1.25% และอีก 1 ครั้งต้นปีหน้าเหลือ 1%  เพื่อผ่อนคลายภาวะการเงิน ช่วยลดภาระหนี้และความเสี่ยงเครดิต

 

ขณะเดียวกัน มองว่ารัฐบาลใหม่ควรเน้นนโยบายเศรษฐกิจ 3 ด้าน (3S) ได้แก่ 

 

  1. Stabilize เพื่อฟื้นความเชื่อมั่น เน้นเป้าหมายที่ชัดเจน ทำได้จริง ควบคู่กับการสื่อสารเชิงรุกและการผลักดันที่มีประสิทธิภาพ 

 

  1. Stimulate เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เน้นมาตรการการคลังที่ตรงจุด รวดเร็วและชั่วคราว ควบคู่กับการผ่อนคลายภาวะการเงินที่ตึงตัว ผ่านการลดดอกเบี้ยนโยบาย การใช้กลไกค้ำประกันสินเชื่อ และการดูแลค่าเงินบาท 

 

  1. Structural reform ยกระดับนโยบายภาครัฐเพื่อสนับสนุนภาคธุรกิจ ผ่านการแก้กฎระเบียบที่เป็นอุปสรรค การจัดหาตลาดใหม่ และการผลักดัน Green investment ตลอดจนการวางรากฐานของการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ ผ่านวางกรอบนโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรมสำหรับอนาคต การพัฒนาทักษะของแรงงาน และการปฏิรูปการคลัง     

      

ทั้งนี้ SCB EIC มองเศรษฐกิจโลกโตชะลอลงเหลือ 2.5% ในปี 2568 และ 2.4% ในปี 2569 จากผลนโยบาย Trump กดดันการค้าการลงทุนโลก แต่ในระยะต่อไปจะมีแรงขับเคลื่อนการลงทุนเพื่อเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจดิจิทัล AI และพลังงานสะอาด เร่งเม็ดเงินลงทุนต่างชาติในอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ และกระแส Friendshoring, Reshoring และ Nearshoring

 

ไทยต้องเร่งโอกาสดึงดูด FDI อย่างมีกลยุทธ์ท่ามกลางโลกแบ่งขั้ว 

  • FDI ไทยยังมีโอกาสขยายตัว โดยเฉพาะกลุ่ม Data center และ Future food ขณะที่อุตสาหกรรมเป้าหมายเดิม เช่น อิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์ยังเติบโตได้ แต่เผชิญแรงกดดันจากความไม่แน่นอนนโยบายการค้าโลกและการไหลกลับของเงินลงทุนไป USMCA, ญี่ปุ่น และ EU ที่ได้เปรียบข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯ ทั้งนี้ความท้าทายด้านการแข่งขันและเงื่อนไขการลงทุนของไทยยังมีมากขึ้น
  • ผู้ประกอบการไทยต้องยกระดับมาตรฐานการผลิต–ทักษะแรงงาน–เชื่อม Supply chain โลก
  • ภาครัฐต้องเร่งปรับกฎระเบียบ–ลดอุปสรรคขั้นตอน–สร้าง Ecosystem เอื้อการลงทุน 

 

อ่านบทความฉบับเต็มได้ที่: https://www.scbeic.com/th/detail/product/outlook-q32025?utm_source=Influencer&utm_medium=Link&utm_campaign=OUTLOOK_Q3_SEP_2025

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising