ไม่ว่าเศรษฐกิจจะดีหรือไม่ดี! คนไทยยังนิยมเปลี่ยน TV ทุกๆ 5 ปี อินไซต์นี้ชี้ให้เห็นว่าผู้บริโภคยุคใหม่ไม่ได้แค่ต้องการเปลี่ยน TV จากเครื่องเก่าไปเครื่องใหม่เท่านั้น แต่ต้องการประสบการณ์การรับชมที่ดีขึ้นกว่าเดิม
“ในทุกครั้งที่เปลี่ยนจะอัปเกรดจอขนาดใหญ่ขึ้น กลายเป็นโอกาสให้แบรนด์ TV สามารถนำเสนอสินค้ารุ่นใหม่ ที่มีจุดเด่นเรื่องขนาดจอที่ใหญ่ ความละเอียดสูงขึ้น เช่น 4K หรือ 8K หรือเทคโนโลยีใหม่เข้ากระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจซื้อ” มิสคลาร่า ชาง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไฮเซ่นส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว
พร้อมฉายภาพต่อไปว่า แม้จะอยู่ในภาวะที่เศรษฐกิจชะลอตัว แต่ตลาดทีวีกลุ่มพรีเมียมยังเติบโตต่อไปได้ เพราะผู้บริโภคกลุ่มนี้ยังมีกำลังซื้อและต้องการได้รับประสบการณ์ใหม่ สะท้อนจากความสำเร็จของ Hisense ในปีที่ผ่านมา สามารถครองส่วนแบ่งอันดับ 1 ในกลุ่มตลาดทีวีขนาดใหญ่ 100 นิ้ว ด้วยสัดส่วนถึง 47% และมียอดส่งออกทีวีรวมทุกขนาดคิดเป็นอันดับ 2 ของโลก
เช่นเดียวกับ ผลประกอบการ Hisense ในครึ่งปีแรก ก็มีการเติบโตเฉลี่ยถึง 20% ส่วนปัจจัยที่ทำให้เติบโต มาจากกลุ่มสินค้าหลัก ทั้ง เครื่องซักผ้าเติบโต 61% ตู้เย็นเติบโต 27% ทีวีเติบโต 22% และเครื่องปรับอากาศเติบโต 9% ทุกกลุ่มสินค้าโตจากกลยุทธ์การพัฒนากลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าพรีเมียม ด้วยนวัตกรรมและฟังก์ชันเหนือกว่าคู่แข่งและตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้าได้อย่างครอบคลุม
รวมถึงการเข้าไปสนับสนุนช่องทางการจัดจำหน่าย ทั้งพันธมิตรค้าปลีกและดีลเลอร์ทั่วประเทศเพื่อสร้างยอดขายร่วมกัน ตลอดจนการเพิ่มศูนย์บริการให้ครอบคลุมทั่วประเทศและมีการขยายการรับประกันสินค้าจาก 3 ปี เป็น 5 ปี และจาก 12 ปี เป็น 25 ปี ในกลุ่มอุปกรณ์มอเตอร์ และ คอมเพรสเซอร์ในผลิตภัณฑ์บางรุ่น
อย่างไรก็ตาม ในครึ่งปีหลังของปี 2568 บริษัทได้เดินหน้าใช้กลยุทธ์ขยายตลาดพรีเมียมในประเทศไทย ด้วยการเปิดตัวโปรดักต์ใหม่ Hisense UX Series – RGB-MiniLED TV รุ่นเรือธง ที่ชูจุดขายด้วยหน้าจอเทคโนโลยี ภาพ คุณภาพเสียง ดีไซน์ ขนาด 116 นิ้ว โดยราคาสั่งจองอยู่ที่ 799,999 บาท ซึ่งคาดว่าจะได้รับการตอบรับจากกลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี