วันนี้ (8 กรกฎาคม) ที่บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ ประสิทธิ์ชัย หนูนวล เลขาธิการเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย นำทีมมวลชนจำนวนหนึ่งที่สนับสนุนกัญชาเดินทางมายื่นหนังสือเรียกร้องต่อรัฐบาลเพื่อขอให้ควบคุมกัญชาโดยกฎหมายพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กัญชา มีวิธีดำเนินการเพื่อการคลี่คลายความขัดแย้งตามหลักสากล โดยตั้งคณะกรรมการร่วมกันทั้งสองฝ่ายเพื่อศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับกัญชาทั้งสิ้น 4 มิติ
- กัญชามีผลร้ายในมิติสุขภาพมากกว่าบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือไม่
- กัญชาก่อผลร้ายในมิติทางสังคมในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาร้ายแรงกว่าบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือไม่
- คุณสมบัติในการดูแลสุขภาพและรักษาโรคของกัญชาดีกว่าบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือไม่
- กัญชาก่อให้เกิดโรคทางจิตเวชและทำลายสมองเยาวชนตามที่รัฐกล่าวอ้างจริงหรือไม่
ทั้งนี้ เมื่อศึกษาวิจัยจนตกผลึกร่วมกัน ให้นำผลการศึกษามาจัดสถานะกัญชาว่าควรควบคุมโดยกฎหมายแบบใด โดยหากการศึกษาทั้ง 4 มิติ ปรากฏว่ากัญชาไม่ได้ร้ายแรงกว่าบุหรี่และแอลกอฮอล์ รวมทั้งไม่ได้เป็นสาเหตุของโรคจิตเวช หรือทำลายสมองเด็ก ก็ให้ควบคุมโดยใช้ พ.ร.บ.กัญชา แต่ถ้าหากพบว่าร้ายแรงกว่าก็ให้นำไปควบคุมโดยกฎหมายยาเสพติด
ประสิทธิ์ชัย กล่าวต่อว่า หาก เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี คิดว่ากำลังทำหน้าที่นายกฯ ก็จงยอมรับหลักการสากลที่รับฟังและปฏิบัติในการคลี่คลายความขัดแย้ง ตั้งกรรมการร่วมกันศึกษาก่อนจะกำหนดรูปแบบการควบคุม และควรศึกษาข้อเท็จจริงให้สังคมกระจ่างว่าที่ผ่านมาใครโกหกประชาชน อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่ามวลชนจะปักหลักชุมนุมไม่ไปไหนจนกว่าจะได้คำตอบจากรัฐบาล
“หลังจากนี้พวกเราจะเปิดโปงความเกี่ยวข้องของกลุ่มทุนกับคนในรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย ทั้ง สมศักดิ์ เทพสุทิน, เศรษฐา ทวีสิน และความสัมพันธ์ของนักธุรกิจคนนี้กับนายใหญ่ของพรรคเพื่อไทย จะแฉให้หมดว่ามีความสัมพันธ์กันอย่างไร และเป้าหมายในการควบคุมให้กัญชากลับไปเป็นยาเสพติดโดยไม่มีเหตุผลในการคุ้มครองประชาชนตามที่อ้าง” ประสิทธิ์ชัยกล่าว
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคมที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะกรรมการควบคุมยาเสพติด ครั้งที่ 32-8/2567 ที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) โดยมี นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เป็นประธานการประชุมร่วมกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมหารือกว่า 2 ชั่วโมง โดยที่ประชุมได้พิจารณาสถานะของพืชสมุนไพรกัญชาและกัญชง และมีมติให้นำกัญชาและกัญชงกลับเข้าสู่บัญชียาเสพติดให้โทษในประเภท 5 หลังจากปลดล็อกมา 2 ปี